251 by Bar Scofflaws ไวน์ดี แจ๊สปัง สนุกหรรษาทั้งคืนจนไม่อยากกลับ

จากที่ปิดรีโนเวตไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้กลับมาพร้อมให้บริการอีกครั้งสำหรับ Bar Scofflaws บาร์ลับย่านเอกมัยที่ขึ้นชื่อเรื่องหาทางเข้ากันไม่เจอเพราะลับเกิน! แต่ต่อไปนี้คงจะไม่ลับอีกต่อไป เพราะโซนใหม่ชั้นบนได้ถูกเนรมิตเป็น 251 by Bar Scofflaws ไวน์บาร์ที่เสิร์ฟดนตรีแจ๊สสุดเจ๋งจนต้องบอกต่อ!

The Vibe

สำหรับใครที่ยังไม่เคยแวะเวียนมาที่นี่อาจจะงงว่าเปิดประตูเข้าร้านมาแล้วต้องไปบาร์ที่อยู่ตรงหน้าหรือขึ้นบันไดต่อ ความจริงแล้วชั้นล่างคือ Bar Scofflaws บาร์ที่เน้นค็อกเทลแบบจริงจัง พร้อมดีเจที่จะมาระเบิดความมันตลอดคืน ส่วนชั้นบนจะเป็นไวน์บาร์ 251 ที่เรามาเช็กอินในวันนี้

พื้นที่ภายในร้านนั้นไม่ได้กว้างมาก เป็นบาร์ไซส์ Small Room ที่ให้ฟีลอบอุ่น ใกล้ชิดกันพอที่จะทำความรู้จักกับโต๊ะข้างๆ ได้แบบไม่ต้องเคอะเขิน แสงไฟสลัว เก้าอี้หนัง ไม้ รายละเอียดความคลาสสิกในทุกองค์ประกอบถูกวางมาแล้วว่า นี่แหละคือที่ที่ใช่สำหรับการฟังแจ๊สและจิบไวน์

นอกจากจะมีโต๊ะสำหรับก๊วนเพื่อนแล้ว ใครอยากจะอิ่มเอมกับดนตรีสดแบบใกล้ๆ ก็สามารถเลือกนั่งหน้าเคาน์เตอร์ริมเวทีได้เลย

หากเดินไปห้องข้างๆ ก็จะเจอกับ ซิการ์บาร์ ซึ่งอยู่ภายใต้ Bar Scofflaws เช่นกัน โดยคอนเซปต์ของบาร์แห่งนี้จะเป็นแบบ ‘Bespoke’ หรือการเสิร์ฟดริงก์ตามใจฉัน ไม่มีเมนู อยากดื่มอะไรก็ชี้ไปยังขวดวิสกี้จากหลายประเทศที่เรียงรายเต็มเชลฟ์ด้านหลังบาร์เทนเดอร์ได้เลย หากนึกไม่ออกก็สามารถนิยามสไตล์รสชาติที่ชอบเพื่อให้บาร์เทนเดอร์ช่วยเลือกได้ หรือหากไม่ใช่สายวิสกี้เลย ที่นี่ก็สามารถรังสรรค์ค็อกเทลในรสชาติที่เราชอบได้เช่นกัน

The Taste

ระหว่างที่รอดนตรีสดขึ้นเล่นตอนเวลา 22.00 น. เราเลยแวะไปนั่งชิลที่ซิการ์บาร์ก่อน ด้วยความที่อยากรู้ว่าบาร์เทนเดอร์จะเนรมิตค็อกเทลในเวอร์ชันของเราออกมาเป็นแบบไหน เลยบรีฟไปด้วยโจทย์ที่ว่า “ชอบอะไรที่สดชื่น เปรี้ยวหวาน แต่หวานน้อย ดื่มง่าย” จากนั้นบาร์เทนเดอร์ก็จะถามต่อถึงส่วนผสมที่แพ้ แล้วเริ่มลงมือเตรียมส่วนผสมทันที

ผลงานที่ได้คือ Custom Cocktail โดยใช้จินเป็นเบส เพิ่มความหอมหวานด้วยคาราเมลตัดรสเปรี้ยวของเลมอน และที่เห็นฟองขาวละมุนนั่นคือไข่ขาวเชก ซึ่งไม่ให้ความรู้สึกคาวแต่อย่างใด

ส่วนอีกโจทย์คือเปรี้ยวหวานเช่นกัน แต่ด้วยคาแรกเตอร์ของผู้ดื่มแล้ว บาร์เทนเดอร์ได้ตีโจทย์ออกมาเป็นคลาสสิกค็อกเทลโดยใช้เบอร์เบินผสมกับไซรัป เลมอน บิตเทอร์ แล้วท็อปด้วยไวน์แดงปิดท้าย

เมื่อใกล้ถึงเวลาของดนตรีสดเลยย้ายกลับไป 251 พลางหาอะไรรองท้อง เริ่มกันที่ Clam and Corn Curry Ball (220 บาท) แกงกะหรี่หอยลายข้าวโพดในรูปแบบก้อนรสชาติเข้มข้น กินเพลิน เข้ากันได้ดีกับไวน์ขาว Chardonnay ที่หน้าตาขวดมีลายอุ้งมือสีทองของสุนัข ให้โน้ตเลมอนเคิร์ดและดอกไม้ขาว ดื่มง่าย ไม่บาดคอ

นอกจากนี้เรายังสามารถนำปากกาของทางร้านมาแต่งแก้วไวน์เล่นได้อีกด้วย

มาไวน์บาร์ทั้งที แน่นอนว่าต้องมี Cold Cut (650 บาท) ที่นี่เสิร์ฟมาในถาดไซส์มินิ เหมาะสำหรับ 2-3 คน ไว้แพริ่งเพลินๆ กับไวน์อีกตัวที่ทางร้านแนะนำ ซึ่งเป็นไวน์แดง Cabernet Merlot จากออสเตรเลีย บอดี้กลางๆ นุ่มนวล ชูรสผลไม้ ไม่ฝาดหรือบาดคออีกเช่นกัน

และแล้วก็มาถึงไฮไลต์ของค่ำคืนกับวง Lips Manly ที่มีสมาชิก 3 คน ประกอบไปด้วย นักร้องที่รับบทเล่นอูคูเลเล่ไปด้วย มือกลอง และมือกีตาร์ ทันทีที่เริ่มบรรเลงก็เป็นอันต้องสะดุดหูกับซาวด์สไตล์วินเทจสุดเจ๋งและเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของอูคูเลเล่ นอกจากเพลงสไตล์ Swing, Neo-Vintage แล้ว วงนี้ยังหยิบยกเพลงไทยยอดฮิตในยุคก่อนอย่าง อ๊อด อ๊อด – The Richman Toy มา Re-Arrange ใหม่ในสไตล์แจ๊สอีกด้วย

Good For

ไม่ว่าคุณจะเป็นไวน์บาร์เลิฟเวอร์หรือคอแจ๊ส เราเชื่อว่าคุณจะตกหลุมรัก 251 by Bar Scofflaws แห่งนี้ด้วยคุณภาพที่คับแน่นของไวน์และวงดนตรี แนะนำให้จองก่อน โดยเฉพาะวันที่จะมีดนตรีสดอย่างวันพุธ-อาทิตย์