×

2463 Speakeasy ค็อกเทลบาร์ที่เสิร์ฟกลิ่นอายยุค Prohibition

02.05.2023
  • LOADING...
2463 Speakeasy

ย้อนกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว นี่คือห้วงประวัติศาสตร์อันมืดมิดของวงการแอลกอฮอล์ในอเมริกา เพราะตรงกับยุค Prohibition ที่การซื้อขายแอลกอฮอล์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และการไปบาร์ก็ต้องหาทางหนีทีไล่กันเอาเอง แม้จะมีข้อห้ามและสารพัดบทลงโทษ แต่ก็ไม่อาจต้านทานความอยากแอลกอฮอล์ของผู้คนได้ ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ยังเกิดประดิษฐกรรมหลายสิ่งที่มีคุณูปการต่อวงการบาร์โลก โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า Speakeasy หรือบาร์ลับที่มีจุดประสงค์ต้องทำให้ลับเพื่อหลบซ่อนจากรัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

 

แต่ยุคปัจจุบันคำนี้ได้กลายเป็นชื่อเรียกประเภทและการตกแต่งบาร์ไปโดยปริยาย

 

Speakeasy จึงเป็นมากกว่านิยามของบาร์ลับที่ต้องซ่อนตัวอยู่ท้ายร้านหรือหลังตู้หนังสือ แต่รวมถึงมู้ดแอนด์โทนของค็อกเทลบาร์ที่หยิบจับองค์ประกอบสมัยนั้นให้มาโลดแล่นในยุคปัจจุบัน ทางเข้าบาร์ที่ต้องสลับซับซ้อน ลึกลับ ชวนค้นหา กลายเป็นลูกเล่นและถูกลดความสำคัญลง เพราะผู้คนไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ในการจิบแอลกอฮอล์อีกต่อไป     

 

ความลึกลับกลายเป็นพล็อตสนุกและปูพื้นบรรยากาศให้แก่ผู้มาเยือน ก่อนที่จะเข้าไปนั่งและสั่งเครื่องดื่มเหมือนกับ ‘2463 Speakeasy’ ค็อกเทลบาร์แห่งนี้

 

 

The Vibe

หากมาตามแผนที่แล้วเจอโรงแรม นั่นแปลว่าคุณมาถูกทาง แต่อยากให้ลองเดาทางเข้าบาร์อีกสักนิดเพื่อความสนุกก่อนเข้าร้าน

 

แน่นอนว่ามาทั้งทีก็ควรนั่งที่หน้าบาร์ แต่หากมาเป็นกลุ่มก๊วนก็อาจเลือกโต๊ะ Semi-Private ที่นั่งรวมกลุ่มกันได้ 5-6 คนแบบสบายๆ หรือจะนั่งฟังเพลงที่มุมข้างเวทีก็ไม่เลว

 

 

ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือมาฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษ สามารถจองห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นบนได้ ส่วนใครที่ยังติดพันกับการงานแต่ก็อยากจิบ บริเวณด้านหลังบาร์มีมุมเล็กๆ พร้อมปลั๊กไฟให้คุณได้ทำงานและจิบได้อย่างเต็มที่แบบไม่ขัดจังหวะ Work-Life Balance

 

 

The Taste

2463 ที่ปรากฏบนชื่อบาร์ คือ พ.ศ. ที่ตรงกับยุค Prohibition พอดี (ค.ศ. 1920) เดาไม่ยากเลยว่าซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่นี่ต้องเกี่ยวพันกับยุคนี้เป็นแน่ 

 

 

เริ่มที่ Modern Siam (380 บาท) ไอเดียของแก้วนี้เกิดจากการหยิบขนมไทยอย่างช่อม่วงมาแยกองค์ประกอบและตีความใหม่ให้อยู่ในแก้ว เช่น การนำสุราไทยไป Fat-Washed กับมันหมู หรือการนำเหล้าที่เบสด้วยไวน์ขาวแล้วเติมสมุนไพรกับแอลกอฮอล์ไปอินฟิวส์กับพริกหรือโฟมครีมนุ่มๆ ที่มีส่วนผสมของฟักกับงา เป็นแก้วที่มีรส Savory ไม่หนักเกินไปสำหรับการสั่งเป็นแก้วแรก

 

 

ตามติดด้วยกลิ่นอายไทยๆ อีกสักดริงก์ Thaification (400 บาท) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแตงโมปลาแห้ง และแทนที่แตงโมด้วยมังคุดเพื่อสื่อถึงกระบวนการ Thaification อีกทีหนึ่ง ดริงก์นี้เบสด้วยวอดก้าและเติมรสชาติด้วยมังคุดกับลูกพลัม เคลือบผงพลัมที่ขอบแก้ว ก่อนที่จะแต่งกลิ่นด้วยส้มซ่า พร้อมใส่หมูแผ่นในแก้วมาให้กินแกล้ม

 

 

Eighteenth Amendment (380 บาท) ชื่อค็อกเทลตัวนี้มาจากข้อกฎหมายในยุค Prohibition ผู้คนเริ่มทำสุราบริโภคเองเพราะถูกคำสั่งห้ามซื้อขาย ทีมบาร์จึงเกิดไอเดียหยิบยกสิ่งที่เรียกว่า Tepache (เครื่องดื่มที่ได้จากการหมักเปลือกสับปะรดที่นิยมดื่มในเม็กซิโก) นำมาผสมกับเตกีลาเพื่อให้ปริมาณแอลกอฮอล์สูงขึ้น จากนั้นเติมน้ำดองและน้ำแร่อัดก๊าซเพื่อสมดุลรสชาติ แก้วนี้อย่าลืมจิบแล้วเคี้ยวหอมดองกับพริกหวานตามเข้าไปด้วย

 

 

แก้วถัดมา Flapper (440 บาท) จริงๆ แล้วคำนี้หมายถึงซับคัลเจอร์ในยุค 1920 ซึ่งมักจะเห็นผู้หญิงจำนวนหนึ่งแต่งตัวจัด ใส่กระโปรงสั้น ตัดผมบ๊อบ สูบซิการ์ และฟังดนตรีแจ๊ส จึงหยิบยกเอเลเมนต์สในนี้มาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของค็อกเทล เพราะเบสเหล้าเป็นวิสกี้ที่อินฟิวส์กับใบยาสูบ เติมอโรมาด้วยกาแฟ ผสมดรายเวอร์มุธ อิตาเลียนบิตเทอร์ และใบเนียมเข้าด้วยกัน จึงได้รสชาติที่หนักและค่อนไปทาง Herbaceous ในขณะเดียวกันก็หอมกลิ่นควันจางๆ ใครที่เป็นแฟนคลับ Boulevardier ถูกใจแก้วนี้แน่นอน

 

 

Art Deco (460 บาท) รูปแบบสถาปัตยกรรมยอดนิยมในยุค Prohibition คงหนีไม่พ้น Art Deco สองคำที่สื่อความหมายได้ตรงที่สุดเห็นจะเป็น Glam & Luxury จึงลงเอยที่การดัดแปลงคลาสสิกค็อกเทลอย่าง Martini โดยใช้จินเป็นเบส เพิ่มรสชาติเล็กน้อยด้วย Lillet Rose และผสมทรัฟเฟิลกับชาเบลนด์พิเศษลงไปในแก้วนี้ด้วย รีบถ่ายรูปแล้วจิบขณะที่ดริงก์ยังเย็นเจี๊ยบ เพื่อรสชาติที่ดีที่สุด

 

 

หนึ่งในความเชื่อของผู้คนยุค Prohibition คือความเชื่อที่ว่าแอลกอฮอล์สามารถรักษาโรคได้ เลยเป็นที่มาของ Medical Liquor (400 บาท) เบสด้วยเหล้ากลิ่นรากไม้ที่มีที่มาจากประเทศจาเมกา ผสมรัม จูนิเปอร์เบอร์รี ออลสไปซ์ และใบเปปเปอร์มินต์ ด้วยรสชาติที่ซับซ้อนและคล้ายเครื่องเทศกับยา เราจึงรู้สึกว่าหากคุณไม่ได้ชอบก็คงจะเกลียดไปเลย (แน่นอนว่าเราชอบมาก)

 

 

Good for

ไม่ว่าจะเป็นขาจร บาร์ฮอปเปอร์ หรือผู้ชื่นชอบการจิบค็อกเทลเป็นชีวิตจิตใจ 2463 Speakeasy มีดริงก์หลายแนว ไล่เรียงตั้งแต่รสสดชื่นจิบง่ายไปจนถึงรสขมคล้ายยา และมีกลิ่นสมุนไพร แต่ละแก้วมีที่มาที่ไปชัดเจน นอกจากค็อกเทลแล้วยังมีดนตรีสด และมุมเงียบๆ หลังบาร์ที่เหมาะสำหรับการนั่งจิบไปทำงานไป

 

 

2463 Speakeasy

Open: ทุกวัน เวลา 19.00-02.00 น.

Address: 8 ซอยสุขุมวิท 63

Tel.: 08 2527 4888

Budget: 500-1,000 บาท

Website: https://www.instagram.com/2463speakeasy/

Map:

 

 

 

ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X