ทำไม ลูอิส แฮมิลตัน ถึงย้ายซบเฟอร์รารี

ข่าวการย้ายไปร่วมทีมเฟอร์รารี ของ ลูอิส แฮมิลตัน ในฤดูกาล 2025 สร้างความตกใจและช็อกต่อแฟนๆ ในศึกฟอร์มูลาวันไปทั่วโลก

แม้หลังจากที่มีการออกข่าวนี้มาได้หลายชั่วโมงก็มีการยืนยันจากทีมเมอร์เซเดส เมื่อคืนที่ผ่านมา (2 กุมภาพันธ์) ช่วงเวลาราวตี 2 ตามเวลาประเทศไทยว่า แฮมิลตันเลือกใช้เงื่อนไขการปล่อยตัวเขาออกจากทีมหลังหมดสัญญาในปีแรกตามสัญญาที่เซ็นเอาไว้ในปีก่อน

ขณะที่ทางเฟอร์รารีก็ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ‘ท่านเซอร์’ จะย้ายมาร่วมทีมในปี 2025 ด้วยสัญญา 2 ปี และมีเงื่อนไขการขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปีด้วย

นั่นหมายความว่า แฮมิลตันจะขับให้ทีมเมอร์เซเดสเป็นปีสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันเมื่อจบฤดูกาล

และนั่นทำให้ทุกคนก็น่าจะได้เห็นแฮมิลตันในชุดสีแดงบนการแข่งขัน F1 ในฤดูกาล 2025 แน่นอนแล้ว

คำถามที่น่าสนใจคือ อะไรทำให้แฮมิลตันในวัย 39 ปีหมาดๆ ตัดสินใจเช่นนี้

เวลาและโอกาสที่เอื้ออำนวย

เพียง 1 สัปดาห์ก่อนข่าวการย้ายทีมของแฮมิลตัน ทีมเฟอร์รารี คอนเฟิร์มการขยายสัญญาของ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักขับหนุ่มชาวโมนาโก ออกไปเป็นระยะเวลานาน โดยไม่มีการระบุรายละเอียดจำนวนฤดูกาล

สัญญาของเลอแคลร์กับเฟอร์รารีจะหมดลงในช่วงจบฤดูกาล 2024 ซึ่งการขยายสัญญาในครั้งนี้ก็เป็นการยืนยันว่า ม้าลำพองได้เลือกเขาให้ควบรถสีแดงไปต่ออย่างแน่นอน

ต่างจาก คาร์ลอส เซนซ์ อีกหนึ่งนักขับชาวสเปนของทีม ที่สัญญาของเขาจะหมดลงพร้อมๆ กับเลอแคลร์ แต่ไม่ได้รับการต่อสัญญาพร้อมกัน

นั่นก็ส่งสัญญาณบางอย่างออกมาให้เห็นแล้วว่าทีมไม่ต้องการไปต่อกับเขา แต่ไม่มีใครคิดว่า ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในเวลาอีกเพียง 1 สัปดาห์

ในตอนแรก มีการวิเคราะห์กันว่า เฟอร์รารีอาจรอดูผลงานในช่วงต้นฤดูกาลของเซนซ์เพื่อให้มั่นใจก่อนต่อสัญญาใหม่ แต่การดึง ‘ท่านเซอร์’ มาร่วมทีม ทำให้อนาคตของนักขับสแปนิชกับทีมสัญชาติอิตาลีดูเหมือนจะสิ้นสุดลงหลังจบฤดูกาลนี้

ต้องบอกว่า นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะของแฮมิลตัน ที่เขามีสิทธิ์ในการตัดสินใจอนาคตของตัวเองในช่วงเวลาที่เฟอร์รารีกำลังจะมีรอยต่อขึ้นพอดี

ก่อนหน้านี้มีการเข้าใจว่าสัญญาที่แฮมิลตันเซ็นไว้กับเมอร์เซเดสเมื่อปีก่อน จะมีระยะเวลา 2 ปี และอาจทำให้สัญญาของเขากับทีมซิลเวอร์ แอร์โรว์ หมดลงก่อนฤดูกาล 2026

แต่จากการที่เขาจะย้ายมาขับให้เฟอร์รารีในปี 2025 นั่นหมายความว่า สัญญาที่เขาเซ็นกับเมอร์เซเดสในปีก่อนนั้นมีระยะเวลาแค่ 1+1 ปีเท่านั้น ซึ่งทำให้เขามีสิทธิ์เลือกได้ว่า หลังจบฤดูกาล 2024 ที่จะเปิดฉากนี้ เขาจะไปต่อกับทีมหรือแยกย้าย

และช่องว่างที่ปล่อยให้แชมป์ 7 สมัยได้เลือกนี่เอง ที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกได้ในจังหวะที่เฟอร์รารีกำลังมีรอยต่อพอดี

ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเซ็นสัญญากับเฟอร์รารีในครั้งนี้ เรื่องของไทม์มิ่งส่งผลอย่างพอดิบพอดีอย่างกับถูกเขียนเอาไว้แล้ว

ความชื่นชอบของ จอห์น เอลคานน์ ประธานม้าลำพอง

จอห์น เอลคานน์ ประธานของเฟอร์รารี ไม่เคยปฏิเสธความชอบของเขาที่มีต่อแฮมิลตันตลอดเวลาที่ผ่านมา นั่นเองที่เป็นตัวคอยกระพือข่าวลือระหว่างแฮมิลตันกับเฟอร์รารีเกือบทุกครั้งที่สัญญาของแฮมิลตันใกล้จะหมดลง

หากจำกันได้ หนึ่งในข่าวใหญ่เมื่อปีก่อน คือการที่เอลคานน์ไปดินเนอร์กับแฮมิลตัน จนทำให้เกิดข่าวลือระลอกใหญ่เกี่ยวกับการย้ายทีมของนักขับสหราชอาณาจักรรายนี้เมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน

ข่าวดังกล่าวจบลงด้วยการที่ โตโต โวล์ฟฟ์ ทีมบอสของเมอร์เซเดส ออกมายืนยันว่า นั่นเป็นแค่การกินข้าวกันตามประสาคนรู้จัก ไม่มีอะไรมากกว่านั้น และแฮมิลตันจะอยู่กับทีมดาวสามแฉกต่อไป

แต่เมื่อผลลงเอยด้วยการที่หลังจากนั้นอีกแค่ 3 เดือนเศษ แฮมิลตันตัดสินใจย้ายจากทีมที่เขาอยู่ด้วยมากว่าทศวรรษ มาร่วมกับทีมที่นับว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ ก็น่าคิดว่าในค่ำคืนนั้นพวกเขาคุยกันถึงเรื่องนี้หรือไม่ และหากคุยกัน เอลคานน์ใช้อะไรโน้มน้าวใจของท่านเซอร์

แน่นอนว่าลำพังแค่ความชื่นชอบของเอลคานน์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอให้แฮมิลตันย้ายทีม แต่การทำงานกับคนที่ชื่นชอบในตัวเองก็อาจทำให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นได้จริง

ในทางตรงกันข้าม ในฐานะผู้ที่ชื่นชมและชื่นชอบก็คงยินดีที่จะหยิบยื่นข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธเพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้ที่ชอบมาทำงานด้วยได้เช่นกัน

แม้จะไม่มีการเปิดเผยว่าในวันนั้นที่แฮมิลตันกับเอลคานน์กินข้าวด้วยกันพวกเขาคุยอะไร แต่ ณ ปัจจุบัน หลายฝ่ายเชื่อตรงกันว่า การย้ายทีมในครั้งนี้ของแฮมิลตันอาจมีจุดเริ่มต้นจากวันนั้นนั่นเอง

ความล้มเหลวของ Zero Side Pod

แฮมิลตันขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับเมอร์เซเดสมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีกับทีม เขาคว้าแชมป์ในประเภทนักขับ 6 สมัย และพาซิลเวอร์ แอร์โรว์คว้าแชมป์ประเภททีมผู้ผลิตอีก 8 สมัย

แต่การยกเครื่องกฎเกี่ยวกับแรงขับจากใต้รถ หรือ Ground Effect ในปี 2022 ทำให้เมอร์เซเดสเสียศูนย์อย่างชัดเจน และเสียตำแหน่งหัวแถวในการแข่งขันไปให้กับเรดบูลล์

ผ่านมา 2 ปี ยังไม่มีวี่แววว่า เมอร์เซเดสจะกลับไปสู่จุดที่เคยยิ่งใหญ่แบบช่วงเวลาก่อนหน้านั้นได้เลย

ทีมดาวสามแฉกปรับตัวได้ไม่ดีนักกับกฎใหม่นี้ และยิ่งเมื่อบวกกับความล้มเหลวของสถาปัตยกรรม Zero Side Pod ทำให้ปีที่ผ่านมา พวกเขาพ่ายต่อเรดบูลล์แบบขาดลอย และแฮมิลตันทำได้แค่จบอันดับที่ 3 ในอันดับตารางคะแนนนักขับเท่านั้น

แม้ว่าทีมเฟอร์รารีไม่ได้อยู่ในสถานะที่ดีกว่าเมอร์เซเดสในการแข่งขันกับเรดบูลล์ โดยนักขับที่ทำคะแนนดีที่สุดของพวกเขาคือ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ ที่จบอันดับที่ 5 แต่นั่นยังดีกว่า จอร์จ รัสเซลล์ นักขับมือ 2 ของเมอร์เซเดส อยู่ถึง 31 แต้ม

และต้องอย่าลืมว่า สนามเดียวจาก 22 สนามในปีที่ผ่านมาที่เรดบูลล์ไม่ได้แชมป์นั้น แชมป์ตกไปอยู่กับเฟอร์รารี

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะคิดว่าในปัจจุบัน รถของเฟอร์รารี มีศักยภาพมากกว่า รถของเมอร์เซเดส และมีโอกาสมากกว่าที่จะต่อกรกับเรดบูลล์ได้

เมื่อประกอบกับเรื่องของ ไทม์มิ่งข้างต้น ยิ่งทำให้แฮมิลตันตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

คนรู้ใจในทีมม้าลำพอง

หากไม่นับ โตโต โวล์ฟฟ์ ที่เป็นคู่บุญกับแฮมิลตันมาอย่างยาวนาน เฟรเดอริก วาสเซอร์ ก็นับเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้จักแฮมิลตันดีที่สุดในศึก F1

แฮมิลตันและวาสเซอร์รู้จักกันดีหลังทั้งคู่เคยทำงานร่วมกันใน F3 และ F2 แฮมิลตันเคยเป็นนักขับรถในทีมอาร์ตของวาสเซอร์ และพวกเขาก็กลายเป็นแชมป์ร่วมกัน

และเมื่อแฮมิลตันมีข่าวลือกับเฟอร์รารี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ถูกหยิบยกมาพูดถึงเสมอ

วาสเซอร์เคยเผยกับ La Gazzetta dello Sport ว่า “ผมคุยกับเขาทุกกรังด์ปรีซ์ เขาขับรถมาหาผมเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เรายังสนิทกันมาก แน่นอนว่าสื่อจะโวยวายเมื่อเห็นเราอยู่ด้วยกัน แต่ความสัมพันธ์ของเรายังคงดีอยู่เสมอ”

ขณะที่ในปีก่อน แฮมิลตันเองก็ดูเหมือนจะบอกใบ้เป็นนัยว่า เขาเองก็สนใจในทีมม้าลำพองเช่นกัน โดยกล่าวว่า “ผมดูและคิดเกี่ยวกับทีมเฟอร์รารีบนหน้าจอในสนามแข่ง และแน่นอนว่าคุณคงสงสัยว่าถ้าผมสวมชุดสีแดงจะเป็นอย่างไร”

เช่นเดียวกับความชื่นชอบของ จอห์น เอลคานน์ ที่มีต่อแฮมิลตัน ซึ่งอาจทำให้เขาทำงานได้อย่างสะดวกขึ้นเมื่อย้ายมาอยู่ที่เฟอร์รารี

ความสัมพันธ์ของแฮมิลตันกับวาสเซอร์ก็น่าจะทำให้เขาทำงานอย่างสบายใจขึ้นด้วยเช่นกัน และนั่นคงยากจะปฏิเสธหากบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของเขาเลย

นอกจากนี้แม้แต่ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ ยังเปิดเผยว่า เขาอยากทำงานร่วมกับแฮมิลตันอีกด้วย โดยเขากล่าวหลังจากถูกถามว่าเป็นความฝันของนักขับหรือไม่ที่จะได้ร่วมงานกับแฮมิลตัน

นักขับวัย 26 ปี กล่าวว่า “ถ้าผมตอบว่า ใช่ ผมจินตนาการได้เลยว่ามันจะขึ้นพาดหัวในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

“ลูอิสเป็นนักขับที่น่าทึ่งมาก เขาประสบความสำเร็จมากมายในกีฬานี้ ดังนั้นผมคิดว่าใครก็ตามที่อยู่ในกริดคงจะชอบถ้ามีลูอิสเป็นเพื่อนร่วมทีม เพราะทุกคนจะได้เรียนรู้จากเขามากมาย”

ซึ่งนั่นหมายความว่า นอกจากได้ทำงานกับคนรู้ใจแล้ว แฮมิลตันจะยังได้ทำงานกับคนที่เคารพเขามากๆ ด้วย

ช่องว่างหลังการย้ายทีม

แม้จะไม่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ แต่การย้ายทีมไปยังเฟอร์รารีในฤดูกาลหน้าของแฮมิลตันได้สร้างผลกระทบที่ใหญ่หลวงไว้ให้กับเมอร์เซเดสและฟอร์มูลาวัน

เป็นที่รู้กันดีเรื่องเก้าอี้ดนตรีที่มีเพียง 20 ที่นั่งในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่เร็วที่สุดในโลกรายการนี้ และเมอร์เซเดสต้องอุดรอยรั่วจากการหายไปของแฮมิลตันในปี 2025 ให้สนิท

นักขับที่อาจจะมาอุดรอยรั่วนั้นก็มีโอกาสจะเป็นหนึ่งในนักขับที่สัญญาจะหมดลงหลังจบฤดูกาล 2024 ซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากถึง 13 คนด้วยกัน

เซร์คิโอ เปเรซ จาก เรดบูลล์, คาร์ลอส เซนซ์ จากเฟอร์รารี, เฟร์นานโด อลอนโซ จากแอสตัน มาร์ติน, เอสเตบัน โอคอน และ ปีแอร์ แกสลีย์ จากทีมอัลพีน, แดเนียล ริคเคียร์โด กับ ยูกิ ซึโนดะ จากทีมอาร์บี หรือ อัลฟาทอรี เดิม, วัลท์เทอรี บอททาส กับ โจว กวนยู จากทีมสเตก เอฟวัน หรือ อัลฟา โรเมโอ, เควิน แม็กนุสเซน กับ นิโก ฮูล์เคนแบร์ก จากทีมฮาส และ โลแกน ซาร์เจนท์ รวมไปถึง อเล็กซ์ อัลบอน จากทีมวิลเลียมส์

ทั้งหมดมีโอกาสถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในนักขับใหม่ของทีมเมอร์เซเดส

และไม่แค่เมอร์เซเดสเท่านั้น เพราะเมื่อทีมซิลเวอร์ แอร์โรว์ เลือกใครคนใดคนหนึ่งจากในนี้ก็จะมีช่องว่างใหม่เกิดขึ้น และอาจเป็นคนอื่นๆ ในที่นี้ถูกดึงตัวไปอีก

มันจะเป็นอย่างนี้วนไปจนทุกทีมได้นักขับครบทีมละ 2 คน และนั่นจะทำให้ฤดูกาล 2025 กลายเป็นฤดูกาลที่อาจได้เห็นความโกลาหลครั้งใหญ่ก่อนเริ่มต้นฤดูกาลก็ได้

การย้ายทีมครั้งนี้ของแฮมิลตันจึงอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเก้าอี้ดนตรีที่วุ่นวายที่สุดครั้งหนึ่งเลยก็ได้

อ้างอิง: