×

วิว กุลวุฒิ กับความเชื่อที่นำพาเขาสู่แชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทย

28.08.2023
  • LOADING...

บ่ายวันหนึ่งที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก ซึ่งเต็มไปด้วยนักกีฬาสมัครเล่นและอาชีพของไทย ที่เดินทางมาร่วมงานประกาศรางวัลนักกีฬาดีเด่นเนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2019 หรือเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว

 

มีนักกีฬาคนหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงในวันนั้นคือ วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักกีฬาแบดมินตันดาวรุ่งวัย 18 ปี ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยติดต่อกันในปี 2017, 2018 และ 2019

 

และวันนั้นเขากำลังจะก้าวขึ้นไปแข่งขันในเวทีระดับอาชีพ เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์เขาตั้งแต่วันนั้นถึงรางวัลนักกีฬาดาวรุ่งดีเด่นเนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2019 และอนาคตที่เขากำลังจะก้าวขึ้นไปแข่งขันกับนักกีฬาอาชีพ

 

สิ่งที่สร้างความประทับใจตั้งแต่การสัมภาษณ์ครั้งแรกกับวิว คือความมุ่งมั่นที่เขามีเมื่อเราถามถึงไอดอลในวงการแบดมินตันตอนนั้น

 

“ไอดอลในประเทศไทยของผมคือ แมน-บุญศักดิ์ พลสนะ ส่วนต่างประเทศเป็น ลีชองเหว่ย ตำนานนักแบดมินตันชาวมาเลเซียที่รีไทร์ไปแล้ว

 

“ลีชองเหว่ยเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ถึงเขาจะตัวเล็ก แต่ว่าในการแข่งขันหรือการซ้อม เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นเพชฌฆาต”

 

แล้ววิวอยากประสบความสำเร็จแบบเขาหรือไม่ หรืออยากเป็นในแบบของตัวเอง? คือสิ่งที่เราถามต่อในวันนั้น

 

“จริงๆ แล้วผมอยากเป็นมากกว่าเขา จริงอยู่ที่ผมยกย่องเขา แต่เขายังไม่เคยได้แชมป์โลกหรือแชมป์โอลิมปิก ส่วนตัวผมอยากได้ทั้งสองอย่าง แล้วก็แชมป์ที่เก่าแก่คือแชมป์ออลอิงแลนด์ นั่นคือเป้าหมายใหญ่ของผม”

 

 

ในตอนนั้นเป็นคำตอบที่ยอมรับว่าไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักจากนักกีฬาดาวรุ่งที่มีความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามแม้กระทั่งนักกีฬาระดับตำนานที่เขาชื่นชอบ แต่วิวก็แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่แน่วแน่ตั้งแต่วันนั้น ก่อนจะก้าวขึ้นมาสู่เวทีอาชีพและทำได้ตามเป้าหมายที่เขากล่าวไว้

 

จุดเริ่มต้นจากภูมิแพ้

 

ภาพ: Badminton Photo

 

วิว กุลวุฒิ เริ่มต้นเล่นแบดมินตันด้วยวัยเพียง 7 ปี จากคุณพ่อ ณัฐวัชร วิทิตศานต์ ที่เป็นโค้ชแบดมินตันเองด้วย จึงได้ติดตามกันไปดูกีฬาแบดมินตันที่สนามตั้งแต่เด็ก และฝึกฝนกับพ่อ จนเกิดความชอบแบดมินตัน แต่เหตุผลที่แท้จริงของการเริ่มต้น วิวได้เคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ว่า

 

“จริงๆ ไม่ได้เริ่มตีแบดแต่แรก แต่ผมมีโรคประจำตัว (โรคภูมิแพ้) ทำให้ต้องมาเล่นแบดมินตัน และคุณพ่อ ณัฐวัชร วิทิตศานต์ เป็นครูสอนแบดด้วย ทำให้ต้องมาเล่นแบด

 

“ตอนแรกผมไม่ได้ชอบ ที่ตีแค่ให้โรคประจำตัวอาการลดลง เพราะตอนเด็กต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ

 

“พอตีแบดอาการก็ลดลง แล้วก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้ ช่วยเหลือครอบครัว ผมรู้สึกชอบตรงนี้ และอีกอย่างคือเป็นกีฬาที่เล่นสนุก เล่นในที่ร่ม สามารถเล่นได้ทุกที่”

 

วิวค่อยๆ เติบโตขึ้นในสนามแบดมินตัน เขาได้ย้ายมาอยู่ชมรมแบดมินตันอมาตยกุล ก่อนจะมาอยู่กับบ้านทองหยอด และฝึกซ้อมจนถึงปัจจุบัน

 

เยาวชนโลก 3 สมัยติดต่อกัน กับสถานะอนาคตของวงการแบดมินตันไทย

 

 

ในช่วงเวลาที่นักกีฬาแบดมินไทย โดยเฉพาะในประเภทหญิง ที่มีรุ่นพี่บ้านทองหยอดอย่าง เมย์-รัชนก อินทนนท์ ที่ก้าวไปถึงแชมป์โลกเมื่อปี 2013 หลายคนได้ฝากความหวังไว้กับวิวที่ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในรุ่นเยาวชน

 

เริ่มต้นจากการคว้าแชมป์ระดับประเทศทั้งรุ่น 14 ปี เมื่อปี 2014 และ 2015 ต่อด้วยการคว้าแชมป์โลกในรุ่นอายุ 16 ปี ในปี 2016 และแชมป์รุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี ในปี 2017

 

ส่งให้วิวเป็นตัวแทนและความหวังไปแข่งขันบนเวทีระดับสากล ซึ่งเขาก็สามารถคว้าแชมป์เยาวชนโลกมาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกด้วยวัยเพียง 16 ปี 5 เดือน เมื่อปี 2017 และคว้าแชมป์ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2019 ทำให้เขากลายเป็นแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยติดต่อกัน

 

เจ้าของรางวัลนักกีฬาดาวรุ่งดีเด่นเนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2019

 

ในแวดวงกีฬาเมื่อเรากล่าวถึงนักกีฬาระดับตำนาน สิ่งหนึ่งที่หลายคนมีเหมือนกันตั้งแต่ระดับเยาวชนคือสิ่งที่เรียกว่าความเชื่อมั่นในตัวเอง

 

ในวันนั้นเมื่อปี 2019 เราได้มีโอกาสเจอกับวิวเป็นครั้งแรก และยอมรับว่าวิวเป็นนักกีฬาเยาวชนที่มีความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก

 

ไม่เพียงแค่ความมุ่งมั่นและเชื่อมั่น แต่วิวก็มองเห็นความเป็นจริงว่าสนามกีฬาอาชีพที่เขากำลังจะก้าวไปมีความแตกต่างจากความสำเร็จที่เขาพบเจอในวันนั้นมาก

 

“ผมรู้สึกดีใจที่ได้รางวัล ซึ่งจะเป็นขวัญและกำลังใจในการฝึกซ้อมต่อไป ต่อจากนี้ผมมีรายการแบดมินตัน Princess Sirivannavari Thailand Masters ต้นปีหน้าครับ ช่วงนี้จะพัฒนาเรื่องสปีดลูกและความแข็งแรงของร่างกาย เพราะระดับสูงขึ้นมันก็ยากขึ้น ไม่เหมือนรุ่นจูเนียร์ที่เราไม่ถึงกับเหนื่อยมาก” วิวให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD เมื่อปี 2019

 

“ตอนนี้เลย 18 ปีมาแล้ว เลยรุ่นเยาวชนมาแล้ว ก็ต้องทำผลงานรุ่นโอเพนให้ดีขึ้น

 

“ตอนนี้หวังแค่เล่นในระดับที่ใหญ่ขึ้นในรายการ 750 คะแนน หรือ 1,000 คะแนน ปีหน้าก็จะเริ่มเก็บคะแนนอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้เลย 18 ปีมาแล้ว เลยรุ่นเยาวชนมาแล้ว ก็ต้องทำผลงานรุ่นโอเพนให้ดีขึ้น”

 

วิกเตอร์ อเซลเซน กำแพงสูง 194 เซนติเมตรของแบดมินตันชายอาชีพ

 

 

ในช่วงแรกของการก้าวขึ้นมาแข่งขันอาชีพ วิวต้องใช้เวลาปรับตัวบวกกับเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้จุดเริ่มต้นของวิวเป็นไปอย่างยากลำบาก

 

แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการต้องโคจรมาพบกับนักแบดมินตันความสูง 194 เซนติเมตร อย่าง วิกเตอร์ อเซลเซน มือหนึ่งของโลกจากเดนมาร์ก ที่สเปน มาสเตอร์ส รายการระดับซูเปอร์ 300 ซึ่งครั้งนั้นเป็นการผ่านเข้าชิงเป็นครั้งแรกของวิว และเขาก็พ่ายให้กับวิกเตอร์ไป 2 เกมรวด ด้วยสกอร์ 16-21 และ 13-21

 

ในปีต่อมา แม้ว่าวิวจะโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง จนเข้ามาแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2021 แต่วิวกลับตกรอบแรกด้วยการพ่ายให้กับ ลู่กวงซู มือ 27 ของโลกจากจีน ไป 2 เกมรวด

 

ช่วงเวลาระหว่างปี 2021-2022 วิวมีโอกาสได้เข้าชิงหลายรายการ แต่พอถึงรอบชิงฯ วิวมักจะผ่านเข้าไปพบกับวิกเตอร์ทุกครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่เจอก็จะเป็นการพ่ายให้กับวิกเตอร์ไป 2 เกมรวด รวมถึงศึกชิงแชมป์โลก 2022 ที่วิวสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาแบดมินตันชายเดี่ยวของไทยคนแรกที่ผ่านเข้าชิงแชมป์โลกได้สำเร็จ

 

โดยเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2022 วิวก็สามารถคว้าแชมป์ในระดับเวิลด์ทัวร์เป็นครั้งแรกในชีวิต หลังไล่ตบเอาชนะ ลักชยา เซน จากอินเดีย ที่เอาชนะวิกเตอร์มาได้ในรอบรองชนะเลิศ

 

2023 ปีที่ปลดล็อกวิกเตอร์และปลดล็อกแชมป์โลก

 

 

เปิดปี 2023 มาเพียงไม่ถึงเดือน วิวก็สามารถก้าวข้ามกำแพงที่ใหญ่ที่สุดในอาชีพแบดมินตันชายเดี่ยวได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ วิกเตอร์ อเซลเซน นักแบดมินตันมือ 1 ของโลก ในรายการโยเน็กซ์ ซันไรท์ อินเดีย โอเพน 2023 และยังเป็นการคว้าแชมป์ระดับเวิลด์ทัวร์ 750 เป็นครั้งแรกอีกด้วย

 

โดยในเกมนั้นวิวสามารถควบคุมจังหวะเกม ไม่เปิดโอกาสให้วิกเตอร์ได้เล่นเกมบุกอย่างที่ถนัด และอาศัยเกมเหนียว ยื้อจนวิกเตอร์ตีพลาดเองหลายจังหวะ จนผ่านไป 64 นาที วิวก็เอาชนะไปได้ 2-1 เกม ปลดล็อกชัยชนะแรกเหนือวิกเตอร์หลังต้องพบกันมาทั้งหมด 7 ครั้งได้สำเร็จ

 

มาในศึกชิงแชมป์โลกครั้งนี้ วิกเตอร์ตกรอบ 8 คนสุดท้ายด้วยการพ่ายให้กับ เอส. เอช. ปรานอย มืออันดับ 9 ของโลกจากอินเดีย ก่อนที่วิวจะเอาชนะปรานอยในรอบรองชนะเลิศ และสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2 สมัยติดต่อกัน

 

รอบชิงแชมป์โลก 2023 เกมวัดการยืนระยะของสภาพร่างกายและจิตใจ

 

 

ก่อนเริ่มเกมทุกคนกล่าวถึง วิว กุลวุฒิ และ โคได นาราโอกะ มืออันดับ 4 ของโลกจากญี่ปุ่น ว่าเป็นนักแบดที่มีสไตล์เกมที่เหนียวและยืนระยะได้เป็นอย่างดี เริ่มต้นเกมแรก ทั้งคู่ไล่กันแต้มต่อแต้ม จนสุดท้ายโคไดเป็นฝ่ายชนะไปก่อน 21-19

 

แต่ในเกมที่ 2 วิวภายใต้การโค้ชของ โค้ชเป้-ภัททพล เงินศรีสุข จากทีมบ้านทองหยอด ที่เคยปั้นแชมป์โลกอย่าง เมย์-รัชนก อินทนนท์ ก็ได้กล่าวกับวิวตอนระหว่างพักเบรกว่า

 

“เขาเร่ง เราก็จะเร่ง ใครใจเย็นกว่ากันคนนั้นชนะ”

 

ซึ่งวิวก็เดินหน้าทำตามคำแนะนำของโค้ช เมื่อเขาผ่อนเกมลง และกดดันจนโคไดเริ่มพลาดเองหลายจังหวะ และสมาธิเริ่มหลุด ก่อนที่โคไดจะทำตามจนช่วงหนึ่งของเกมสองเหมือนกับว่าทั้งสองเล่นวอร์มกัน ตีโยนข้ามไปมา จนแฟนกีฬาในสนามบางส่วนเริ่มโห่แสดงความไม่พอใจ

 

แต่เมื่อเกมเริ่มช้า วิวก็เร่งจังหวะทำเกมบุกใหม่อย่างแม่นยำ จนสุดท้ายเอาชนะไปได้ในเกมสอง เบียดไปตัดสินในเกมที่ 3 ได้สำเร็จ ด้วยสกอร์ 21-18 พร้อมกับรอยยิ้มก่อนจบเกมที่แสดงให้เห็นว่าวิวรักษาสมาธิจนดึงสถานการณ์กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง

 

ในเกมสุดท้าย สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นก็เกิดขึ้น เมื่อโคไดกลับกลายเป็นฝ่ายที่สมาธิหลุดอย่างชัดเจน จนต้องหันไปมองทีมโค้ชอยู่หลายครั้งด้วยท่าทีที่หมดทางสู้ จนผู้ตัดสินต้องแจ้งเตือนว่าให้เล่นอย่างเต็มที่ ไม่มีผ่อน

 

สุดท้ายวิวก็สามารถเอาชนะไปได้ 21-7 จบเกมเอาชนะไปได้ 2-1 เกม 19-21, 21-18 และ 21-7 คว้าแชมป์แบดมินตันชิงแชมป์โลก 2023 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่

 

วิว กุลวุฒิ ในวัย 22 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นแชมป์โลกคนแรกของแบดมินตันชายเดี่ยวของไทย นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของกีฬาอาชีพของไทย และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำตามสิ่งที่เขาเคยพูดไว้เมื่อหลายปีก่อน

 

 

นอกจากนี้ หลังจบการแข่งขัน วิวยังให้สัมภาษณ์แบบผ่อนคลายกับฝ่ายจัดการแข่งขันว่า หลังจากนี้ขอไปหาอะไรกิน ไม่ฉลอง และขอโทษแฟนกีฬาในสนามที่ลากการแข่งขันยาวไปถึง 1 ชั่วโมง 49 นาที

 

ความสำเร็จของวิวในวันนี้ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในเป้าหมายที่เขาวางไว้เมื่อหลายปีก่อนว่าเขาต้องการที่จะเป็นมากกว่าไอดอลของเขาอย่างลีชองเหว่ย ที่ไม่เคยได้แชมป์โลก เหรียญทองโอลิมปิก หรือออลอิงแลนด์

 

การมีเป้าหมายตั้งแต่ต้นของวิวเปรียบเสมือนคำพูดของ มูฮัมหมัด อาลี ตำนานของวงการมวยสากล ที่เคยกล่าวไว้ว่า

 

“ผมคือนักมวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผมพูดไว้ตั้งแต่ก่อนผมรู้ตัวว่าผมเป็นด้วยซ้ำ”

 

หรือเหมือนกับที่ แซร์ช นาบรี ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเยอรมนีของบาเยิร์น มิวนิก ที่เคยให้สัมภาษณ์กับเพจวิเคราะห์บอลอย่างจริงจังว่าคำแนะนำที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาคืออะไร

 

“เป็นคำพูดของคุณพ่อผม กับคำง่ายๆ คือ Trust Yourself (จงเชื่อมั่นในตัวเอง) ลองคิดดูนะว่าในเวลาที่คนทั้งโลกไม่เชื่อมั่นว่าคุณทำได้ อย่างน้อยถ้าคุณศรัทธาในตัวเอง โลกนี้ก็ยังมีคนที่เชื่อมั่นในตัวคุณ 1 คน ซึ่งก็คือตัวคุณเอง แต่ถ้าแม้แต่คุณยังไม่ศรัทธาตัวเอง โลกนี้จะมีคนที่เชื่อมั่นในตัวคุณ 0 คน ดังนั้นต่อให้ใครจะว่าอะไร จะพูดจาแย่ๆ ใส่คุณแค่ไหนก็ตาม คุณอย่าเพิ่งยอมแพ้”

 

วันนี้เราจึงอยากขอบคุณทั้งวิว โค้ชเป้ ทีมงานบ้านทองหยอด สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ต่างเชื่อมั่นใจความสามารถและตัวของวิว ทำให้เราได้เห็นแชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกจากประเทศไทย

 

และเป้าหมายต่อจากนี้ของวิว ทั้งออลอิงแลนด์และปารีสโอลิมปิก 2024 เราก็เชื่อว่าทุกคนเชื่อมั่นในตัววิวว่าจะสามารถก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่เคยบอกกับเราไว้เมื่อปี 2022 ว่า

 

“ความฝันของผมคืออยากเป็นแชมป์โลก เป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก และรายการที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง ‘ออลอิงแลนด์’ ที่ประเทศอังกฤษครับ

 

“ตอนนี้ยังต้องพัฒนาตัวเองต่อไป เราเองอายุยังน้อย ยังสามารถพัฒนาตัวเองได้ จะพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะผมมีความฝันที่สูงและอยากจะไปให้ถึงตรงนั้นให้ได้ ผมก็จะไม่หยุดโดยที่เสียเวลาไปเปล่าๆ ผมจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ”

 

เหมือนกับคติประจำใจที่วิวใช้ตลอดมาในการแข่งขันคือ

 

“ไม่ถึงต้องเขย่ง ไม่เก่งต้องขยัน”

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising