×

KTB – NIM ขยายตัวมากที่สุด Valuation น่าสนใจ

28.08.2023
  • LOADING...
หุ้น KTB

เกิดอะไรขึ้น:

ในปี 2566 คาดว่า บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) จะเป็นธนาคารที่มี NIM ขยายตัวมากที่สุดและคุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว ขณะที่ 2H66 คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้น NIM จะขยายตัวต่อเนื่อง Credit Cost จะอยู่ในระดับทรงตัว และ OPEX จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล 

 

โดยมีปัจจัยกระตุ้นดังนี้

 

  • คุณภาพสินทรัพย์ของ KTB ยังทรงตัวจนถึงปัจจุบันในปีนี้ ดังนั้น KTB จึงคาดว่า Credit Cost ใน 2H66 จะอยู่ในระดับทรงตัว HoH ส่วน InnovestX Research ประมาณการ Credit Cost ปี 2566 ไว้ที่ 1.25% (เพิ่มขึ้น 32 bps) เทียบกับ 1.23% ใน 1H66 การเพิ่มขึ้นของ Credit Cost ในปี 2566 เป็นเพราะ KTB เปลี่ยนมาเน้นปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มมากขึ้น

 

อย่างไรก็ดี KTB มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ เพราะมีเงินให้สินเชื่อภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่ำและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ปล่อยให้กับข้าราชการและลูกค้าที่มีบัญชีเงินเดือนกับ KTB ในสัดส่วนสูง KTB ตั้งเป้าคง LLR Coverage ไว้ที่ระดับสูงกว่า 170% เทียบกับ 171% ณ 2Q66

 

  • NIM ปี 2566 จะขยายตัวมากที่สุด การขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสินเชื่อทำให้ KTB เป็นธนาคารที่มี NIM ขยายตัว QoQ มากที่สุดที่ 35 bps ใน 1Q66 และ 24 bps ใน 2Q66 สู่ 3.2% KTB คาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้นอีกใน 3Q66 อันเป็นผลมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ในเดือนสิงหาคม NIM มี Upside จากการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก และการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 25 bps สู่ 2.5% 
  • การเติบโตของสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้นใน 2H66 KTB คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อ (ไม่รวมสินเชื่อภาครัฐ) ในปี 2566 จะอยู่ที่ ~3% ซึ่งเป็นตัวเลขขอบล่างของเป้าที่ธนาคารวางไว้ที่ 3-5% ธนาคารคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้นใน 2H66 เทียบกับ -0.6%YTD ใน 1H66 

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น KTB ปรับลดลง 4.46%MoM อยู่ที่ระดับ 19.30 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.22%MoM สู่ระดับ 1,560.20 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:


InnovestX Research ประเมิน 2H66 ว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้น, NIM จะขยายตัวต่อเนื่อง, Credit Cost จะอยู่ในระดับทรงตัว และ OPEX จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ส่วน 3Q66 คาดว่ากำไรของ KTB จะเพิ่มขึ้น 22%YoY (NII สูงขึ้น) และ 2%QoQ (NII สูงขึ้น, ECL สูงขึ้น, OPEX สูงขึ้น) สำหรับปี 2566 คาดว่ากำไรจะเติบโต 22% โดยได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่ 2% NIM ที่เพิ่มขึ้น 61 bps Non-NII ในระดับทรงตัว และ Credit Cost ที่เพิ่มขึ้น 32 bps 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ ยังคงเลือก KTB เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร โดยคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 25 บาทต่อหุ้น (P/BV 0.8 เท่า หรือ P/E ปี 2567 ที่ 8.2 เท่า) เนื่องจาก 1. Valuation ถูก ที่ P/BV 0.6 เท่า เทียบกับ ROE 10% และ P/E 6.3 เท่า สำหรับปี 2567 2. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ 3. NIM จะขยายตัวมากที่สุด

 

ส่วนความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ 1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง 2. การขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาด เนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง และ 3. Non-NII ได้รับแรงกดดันจากตลาดทุนที่ผันผวนและแนวโน้มที่ ธปท. จะใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising