×

Krungthai COMPASS คาด ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยปี 2023 โต 3.4% แนะภาคธุรกิจปรับตัวรับ 5 ปัจจัยเปลี่ยนผ่าน

10.01.2023
  • LOADING...
Krungthai COMPASS

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2023 ขยายตัว 3.4% จากแรงขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว ทดแทนส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ชี้ไทยจ่อเผชิญ 5 ปัจจัยการเปลี่ยนผ่านสำคัญ ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับภาคธุรกิจ ได้แก่ การก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ภาคท่องเที่ยวฟื้น ดอกเบี้ยขาขึ้น และภาวะต้นทุนสูง

 

ชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า Krungthai COMPASS คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 3.4% ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2022 ที่ขยายตัวได้ 3.2% แรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจจะถูกเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาคการท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 22.5 ล้านคน หรืออาจจะมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน หลังจีนผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์

 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรงลงจะกระทบต่อการส่งออก ซึ่งอาจขยายตัวเพียง 0.7% เท่านั้น ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยเดินหน้าด้วยเครื่องยนต์เดียวจึงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่นัก

 

นอกจากนี้ภาวะเงินเฟ้อสูงจะยังไม่หมดไป เนื่องจากภาคธุรกิจยังต้องรับมือกับการเปลี่ยนผ่านด้านต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีจะยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งผลให้คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.25% ในปี 2022 ขึ้นสู่ระดับ 2% ในปี 2023 และอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุด (Terminal Rate) อาจอยู่ที่ 2.5% ในปี 2024 เป็นยุคดอกเบี้ยขาขึ้นเต็มตัวของประเทศไทย ส่วนค่าเงินบาทยังเผชิญความผันผวนจากการคาดการณ์นโยบายการเงินของสหรัฐฯ โดยคาดว่าค่าเงินบาทจะอยู่ในช่วง 33.75-36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

ปี 2023 ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน

 

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินว่าปี 2023 เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง นำพาเศรษฐกิจไทยไปอยู่ในจุดที่ไม่คุ้นเคย ภายใต้โลกใหม่ที่มีความผันผวนและซับซ้อนมากขึ้น

 

โดยมีการเปลี่ยนผ่าน (Transition) สำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะชะลอตัว เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่ภาคการท่องเที่ยว การเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นของไทย และการเปลี่ยนผ่านท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น

 

Krungthai COMPASS มองว่าการเปลี่ยนผ่านทั้ง 5 ด้าน มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เป็นได้ทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับภาคธุรกิจ เช่น ผู้ประกอบการจะต้องเผชิญกับอุปสรรคในการปรับตัวเข้ากับบริบทโลกใหม่ที่ใส่ใจกับเรื่อง Climate Change และความยั่งยืน อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากการปรับธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในยามที่ต้นทุนอื่นๆ ก็สูงขึ้นรอบด้าน ทั้งดอกเบี้ย ค่าไฟ และค่าแรง แต่ในอีกมุมหนึ่งนั้น ผู้ประกอบการที่ปรับตัวจะมองเห็นลู่ทางธุรกิจใหม่ๆ มีโอกาสเติบโตแม้ในยามที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว

 

ขณะที่ ดร.ฉมาดนัย มากนวล นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า แม้ว่าประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯ จะชะลอตัวจากการขึ้นดอกเบี้ย และยุโรปมีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากวิกฤตพลังงาน แต่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำของประเทศเหล่านั้นยังมีทิศทางที่เข้มข้นมากขึ้น สะท้อนจากการตอกย้ำจุดยืนของประชาคมโลก รวมถึงประเทศไทย ในเวทีการประชุม COP27 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 29 เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา

 

สำหรับในปี 2023 ภาคธุรกิจต้องติดตามประเด็นด้านกฎเกณฑ์ที่สำคัญ เช่น การเดินหน้าบังคับใช้มาตรการการเก็บภาษีคาร์บอนที่พรมแดน หรือ CBAM ของยุโรป และแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม หรือ Taxonomy ของประเทศไทย

 

นอกจากนี้ภาคธุรกิจยังต้องมองหาโอกาสจากนโยบายของรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น นโยบายเศรษฐกิจ BCG และนโยบายการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติภายใต้แนวคิด ‘Better and Green Thailand 2030’ เป็นต้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising