ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (30 ตุลาคม) ที่ระดับ 36.12 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 36.21 บาทต่อดอลลาร์ โดยแข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำที่ได้แรงหนุนจากความกังวลต่อสถานการณ์สงครามอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้น ประกอบกับเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงบ้างหลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ล่าสุดไม่ได้เร่งตัวขึ้นชัดเจน และยังคงทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า Fed อาจจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีโอกาสผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ ราคาทองคำ และราคาน้ำมันดิบ โดยต้องจับตาสถานการณ์สงครามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติอาจยังมีทิศทางไม่ชัดเจน จนกว่าตลาดจะกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนและสถานการณ์สงคราม
นอกจากนี้ควรจับตาทิศทางเงินหยวนจีน เนื่องจากเงินหยวนจีนมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ในกรณีที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีนสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
ในส่วนเงินดอลลาร์มองว่าสถานการณ์สงครามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจหนุนการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น เงินดอลลาร์ ทองคำ และพันธบัตรรัฐบาล นอกจากนี้เงินดอลลาร์อาจผันผวนไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงิน Fed โดยเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นหากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งกว่าคาด และ Fed ยังย้ำจุดยืนพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นาน
จากปัจจัยข้างต้นทำให้ธนาคารมองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 35.85-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทในวันนี้ (30 ตุลาคม) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.25 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องจับตาการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก (Fed, BOE และ BOJ) รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และจีน พร้อมติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและสถานการณ์สงครามอย่างใกล้ชิด
