×

“คิทดีใจนะที่มีคนสนใจแนนโน๊ะมากกว่าผู้ชายที่ผ่านมาของคิทตี้” เปลือยหน้าคุยกับ คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล

14.09.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

15 Mins. Read
  • คิทตี้ ชิชา เล่าว่า เด็กใหม่ (Girl from Nowhere The Series) ได้แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนเรื่องราวจากแฮชแท็กอย่าง #Metoo ที่ผู้หญิงหลายคนเป็นเหยื่อมานานแสนนาน แต่ไม่เคยกล้าที่จะออกมายอมรับ
  • ซีรีส์นี้พยายามจะกระตุ้นเตือนผู้หญิงว่าถ้าคุณเป็นเหยื่อ คุณเคยถูกทำร้าย คุณไม่ใช่คนที่ต้องอาย เพราะคนที่ต้องอายคือคนที่ทำร้ายคุณต่างหาก
  • นักแสดงฮอลลีวูดเขาบอกว่า คนเรารอคอยแค่บทบาทหนึ่งในชีวิตที่จะพิสูจน์ตัวเองว่ามันเป็นของเราจริงๆ ซึ่งไม่มีใครแย่งไปจากเราได้ มันคงเป็นเรื่องของโชคชะตาที่ทำให้คิทวนมาเจอกับบทนี้ ได้รับบทนี้ แล้วก็ได้เล่นเป็นตัวละครนี้”   

 

 

ช่วงเย็นวันหนึ่ง คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล เดินเข้ามาในออฟฟิศย่านอาร์ซีเอด้วยชุดนักเรียนมัธยมชุดเดียวกับตอนล่าสุดที่เราเพิ่งดูเธอสวมบท แนนโน๊ะ ในซีรีส์ เด็กใหม่ (Girl from Nowhere The Series) ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน พร้อมกับหน้าที่เปลือยเปล่า ไร้เครื่องสำอาง หรือแม้แต่แป้งรองพื้น

 

หลังจากการคุยกันผ่านไปได้สักชั่วโมง พายุฝนก็กระหน่ำตกลงมา รู้ตัวอีกทีเมื่อคุยกันเสร็จ เธอก็เดินฝ่าสายฝนที่เริ่มซาลงนิดหน่อยแล้วหายลับไปในความมืด

 

จะว่าไปก็เฮี้ยนดีเหมือนกันสำหรับการพบเจอเป็นครั้งแรก ขณะเดียวกันมันก็น่าจดจำจนคิดว่าเขียนแนะนำเธอทั้งอย่างนี้แหละ เพราะความตั้งใจของการนัดคุยระหว่าง ‘เรา’ คืออยากทำความรู้จักตัวตนแท้จริงของคิทตี้ในยามที่ไม่สวมใส่คาแรกเตอร์ ‘แนนโน๊ะ’

 

ตกลงแล้วตัวจริงกับตัวละครเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ในชีวิตจริงเพื่อนมัธยมจดจำเธอในแบบไหน และทำไมเสิร์ชชื่อแล้วมักจะเจอแต่เรื่องแรงๆ ร้ายๆ ตามหน้าประวัติศาสตร์ออนไลน์ชื่อ ‘กูเกิล’ สบตาและเปลือยหน้าคุยไปพร้อมกับคิทตี้ ก่อนที่เธอจะเดินหายไปในสายฝน  

 

คิทเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย เป็นคนเก็บตัวประมาณหนึ่ง เหมือนแมวที่อยู่ในโลกของมัน แล้วถ้ามันอยากมีส่วนร่วม เดี๋ยวมันเสนอหน้ามาเอง 

ตัวละครแนนโน๊ะได้รับความสนใจทันทีตั้งแต่ซีรีส์ เด็กใหม่ เปิดตัวอีพีแรก มีคนสับสนบ้างไหมว่าตัวจริงของคิทตี้กับแนนโน๊ะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

มีค่ะ (หัวเราะ) มีหลายคนที่จับรวมตัวจริงของเรากับตัวละครเข้าด้วยกัน แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่คิทกับแนนโน๊ะไม่เหมือนกันเลยคือคิทเป็นคนที่ไม่ได้เพอร์เฟกต์ คิทมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ได้น่าภูมิใจ เราไม่ได้มีอะไรให้คน look up to ด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีใจที่ตัวละครที่คิทแสดงสามารถเป็นไอดอลหรือเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ เพราะตัวตนจริงๆ ของเราคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้

 

ก่อนจะทำความรู้จักตัวจริงของคิทตี้ อยากให้พาไปทำความรู้จักคาแรกเตอร์แนนโน๊ะสักหน่อย

แนนโน๊ะเป็นเหมือนลูกสาวซาตาน เป็นงูพิษในสวนเอเดนที่มาหยิบยื่นแอปเปิ้ลอาบยาพิษให้กับคนอื่น ซึ่งคนนั้นจะรับหรือไม่รับก็ได้ แนนโน๊ะไม่เคยเอาแอปเปิ้ลยัดปากใคร แต่เราจะยื่นไปให้… กินไหมล่ะ อร่อยนะ แล้วเมื่อคนนั้นหยิบแอปเปิ้ลจากมือไป นั่นเท่ากับว่าเขาสมควรจะได้รับกรรมชั่ว คิทว่าตัวละครนี้เป็นเหมือนกรรมในรูปแบบ 4G ที่เดินได้และตามมาชำระบาปอย่างรวดเร็ว

 

ในช่วงแรกพี่ๆ เขาก็มาระดมไอเดียกันว่าเราจะมองภาพตัวละครนี้เป็นอะไร คือด้วยความที่เขาไม่ใช่คน เราก็เลยเลือกที่จะเชื่อมโยงเขากับสัตว์ที่ดูปรัมปราหน่อย ลงท้ายก็เลยเลือกใช้เป็นยูนิคอร์นสีดำที่อยู่ตัวคนเดียว ไม่ใช่ม้าทั่วไปที่อยู่รวมกันเป็นฝูง ส่วนสีดำ ถึงแม้ว่ามันจะมีความสวยงามในแบบของมัน แต่มันก็ไม่ได้น่าเข้าหาเหมือนกับยูนิคอร์นสีขาว เขามีความสง่างาม แต่ก็มีความน่ากลัว เดาไม่ออกว่าจะมาดีหรือมาร้าย

 

เห็นว่ารายละเอียดของแต่ละอีพียังเปรียบเทียบแนนโน๊ะเป็นสัตว์แต่ละชนิดที่แตกต่างกันอีกด้วย

ใช่ค่ะ เพราะแต่ละอีพีจะต้องใช้วิธีจัดการกับปัญหาหรือตอบแทนผลกรรมของตัวละครในอีพีนั้นๆ ที่แตกต่างกัน บางคนทำแบบไหนก็ได้คืนไปแบบนั้น ขณะที่บางคนผลกรรมของเขาคือสมควรจะตกอยู่ในนรกทั้งเป็น ตายไม่ได้ และต้องอยู่กับสิ่งนี้ เราก็เลยต้องเลือกคาแรกเตอร์ของสัตว์ให้หลากหลายและเหมาะกับแต่ละอีพี

 

ยกตัวอย่างอีพี 2 Apologies (ขอโทษ ขอโทษ) ที่เกี่ยวกับการล่อลวงเพื่อนไปข่มขืน สัตว์ที่เราใช้คือกวาง เพราะกวางเป็นสัตว์ที่ดูอ่อนแอ น่าสงสาร พร้อมจะตกเป็นเหยื่อ เพื่อใช้เป็นคาแรกเตอร์ภายนอกในช่วงเริ่มต้นของอีพี ก่อนที่แนนโน๊ะจะกลับมาเป็นยูนิคอร์นสีดำอีกครั้งในช่วงล้างแค้นของทุกอีพี

 

คิทรู้สึกว่าบทนี้มันดูมีอะไรให้เล่นมากกว่าบททั่วๆ ไปที่เคยเห็นในทีวี ที่ผ่านมาเรามักจะเห็นตัวละครหญิงถ้าไม่เป็นนางเอกก็จะเป็นนางร้าย มันหายากนะคะที่ตัวเอกจะดูเป็นตัวร้ายตั้งแต่ต้น

ถ้าอย่างนั้นตัวจริงของคิทตี้เป็นสัตว์ชนิดไหน

เป็นแมวค่ะ (หัวเราะ) เราเป็น cat person อยู่ก่อนแล้ว และคิทเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย เป็นคนเก็บตัวประมาณหนึ่ง เหมือนแมวที่มันจะอยู่ในโลกของมัน แล้วถ้ามันอยากมีส่วนร่วม เดี๋ยวมันเสนอหน้ามาเอง อีกอย่างเราไม่ใช่คนประเภทที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นตลอดเวลา เราชอบอยู่คนเดียว อยู่บ้าน เล่นกับแมว หรือถ้าออกไปนอกบ้านก็ไม่ใช่คนที่จะออกไปกับใครทุกครั้ง บางทีดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว เราเลยเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบสบตาคน หรือเดินไปกลางถนนแล้วมองคนอื่นได้สักเท่าไร ซึ่งต่างจากแนนโน๊ะมากๆ เพราะแนนโน๊ะจะเป็นคนแบบมองมามองกลับ ไม่โกง (หัวเราะ)

 

แต่ขณะเดียวกันก็ต้องสวมคาแรกเตอร์ที่ใช้พลังดึงดูดเยอะมาก

ใช่ค่ะ คิทมีความเชื่อแปลกๆ ว่าระหว่างแอ็กชันเราจะเหมือนเป็นคนอื่นไปเลย คนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลยจนกว่าจะคัต

 

อะไรที่ทำให้คิทตี้อยากเล่นเป็นตัวละครแนนโน๊ะ

ตอนที่เห็นบท คิทรู้สึกว่าบทนี้มันดูมีอะไรให้เล่นมากกว่าบททั่วๆ ไปที่เคยเห็นในทีวี ที่ผ่านมาเรามักจะเห็นตัวละครหญิงถ้าไม่เป็นนางเอกก็จะเป็นนางร้าย มันหายากนะคะที่ตัวเอกจะดูเป็นตัวร้ายตั้งแต่ต้น

 

ตอนที่ทีมงานเอาบทมาให้อ่านในรอบแคสติ้ง เขาอธิบายให้ฟังว่าตัวเอกของเรื่องจะออกมาทุกอีพี แล้วแต่ละอีพีจะเปลี่ยนนักแสดงใหม่หมด ยกเว้นตัวละครนี้ แล้วพอฟังจบเราก็รู้สึกว่าทำไมตัวเอกมันดูเป็นคนชั่วร้ายแบบนี้ล่ะ (หัวเราะ)

 

จริงๆ แล้วย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ คิทตี้มีผลงานในวงการบันเทิงมาพอสมควร เกิร์ลกรุ๊ปก็เคยทำ งานการแสดงก็มี เป็นนางแบบก็ทำได้ ฯลฯ แต่ดูเหมือนซีรีส์ เด็กใหม่ จะเป็นผลงานที่ผู้คนจดจำเราได้มากที่สุด จดจำเราได้จริงๆ  

ใช่ค่ะ มากที่สุด คิทว่ามันเป็นจังหวะของชีวิตนะคะ คิทเคยอ่านหนังสือแล้วนักแสดงฮอลลีวูดเขาบอกว่า คนเรารอคอยแค่หนึ่งบทบาทในชีวิตที่จะพิสูจน์ตัวเองว่ามันเป็นของเราจริงๆ ซึ่งไม่มีใครแย่งไปจากเราได้ มันคงเป็นเรื่องของโชคชะตาที่ทำให้คิทวนมาเจอกับบทนี้ ได้รับบทนี้ แล้วก็ได้เล่นเป็นตัวละครนี้  

 

คิทดีใจด้วยซ้ำที่มีคนจำคิทได้จากผลงานชิ้นนี้ ซึ่งเป็นผลงานที่คิทพูดได้อย่างเต็มปากว่านี่คือผลงานชิ้นแรกในชีวิตที่อยากอวดให้ทุกคนได้ดู มันเป็นครั้งแรกที่เกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา คิทรู้สึกว่างานชิ้นนี้เป็นมาสเตอร์พีซของคิทในเวลานี้ นับตั้งแต่คิทผ่านงานทุกอย่างในวงการบันเทิงมา

 

นักแสดงฮอลลีวูดเขาบอกว่า คนเรารอคอยแค่หนึ่งบทบาทในชีวิตที่จะพิสูจน์ตัวเองว่ามันเป็นของเราจริงๆ ซึ่งไม่มีใครแย่งไปจากเราได้ มันคงเป็นเรื่องของโชคชะตาที่ทำให้คิทวนมาเจอกับบทนี้ ได้รับบทนี้ แล้วก็ได้เล่นเป็นตัวละครนี้   

สังเกตเห็นอีกอย่าง รู้สึกว่าช่วงนี้เวลาไปไหนต่อไหน คิทตี้จะสนุกกับการได้ใส่ชุดนักเรียนของแนนโน๊ะมาก

(หัวเราะ) ประมาณหนึ่งค่ะ ชีวิตปกติคิทก็ใส่ชุดปกติบ้าง แต่เวลาที่ออกมาเจอพวกพี่ๆ สื่อมวลชนหรือเจอคนทั่วไป คิทจะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วทุกคนไม่ได้อยากเจอคิทเท่ากับอยากเจอแนนโน๊ะหรอก

 

คิทเลยโทรไปหาพี่ๆ ฝ่ายโปรดักชันว่าคิทอยากจะขอเข้าไปยืมชุดหน่อยนะคะ คือคิทดีใจที่ตัวละครนี้เข้ามาแล้วสามารถส่งเสริมหรือให้พลังกับใครหลายคนได้ เราก็เลยรู้สึกเอ็นจอยกับการได้เป็นเขา เราอยากทำให้เวลาไปออกรายการหรือให้สัมภาษณ์แล้วตัวเรายังสามารถไปด้วยกันได้กับตัวละครนี้  

 

ทำไมถึงคิดว่าคนอยากเจอแนนโน๊ะมากกว่าอยากเจอคิทตี้

เพราะจริงๆ แล้วที่คิทได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ที่คิทได้มาคุยกับคนมากมายในช่วงนี้ เป็นเพราะแนนโน๊ะที่ฟื้นคืนชีวิตของคิทขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง คิทฟื้นขึ้นมาจากข่าวเสียๆ ทั้งหลาย แนนโน๊ะเป็นคนให้โอกาสคิทกลับมาอยู่ตรงนี้

 

อารมณ์เหมือนลูกสาวซาตานถูกปลุกขึ้นมาแจ้งเกิดในวงการอีกครั้ง

ใช่ค่ะ คิทรู้สึกว่าแนนโน๊ะเป็นคนที่เข้ามาชุบชีวิตคิท ความจริงโอกาสของคิทสำหรับการได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้มันก็ต่ำมาก เพราะที่ผ่านมาคิทก็ไม่ใช่คนที่มีข่าวดีๆ คิทมีข่าวไม่ดีมาเยอะ คิทไม่ได้เป็นเด็กของช่องไหน แล้วก็ไม่ได้เป็นคนที่มีกระแส มันเลยเหมือนว่าทีมงานทุกคนให้โอกาสในขณะที่เราติดลบด้วยซ้ำ แนนโน๊ะเขาให้โอกาสเราได้กลับมาทำงานที่รัก และยังให้โอกาสคิทเป็นตัวเองมากขึ้น ทำให้มีคนเข้ามารักทั้งแนนโน๊ะและคิทไปพร้อมๆ กัน

 

ถามจริงๆ คิทตี้มองเห็นอะไรจากหลุมที่เคยตกลงไป และหลังจากถูกชุบชีวิตคืนมาอีกครั้ง ทิศทางหลังจากสวมร่างทรงแนนโน๊ะจะไปทางไหนต่อ 

ที่ผ่านมาคิทผิดพลาดมาหลายอย่าง คิทได้เรียนรู้จากความผิดพลาดว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ เพราะในโลกของความเป็นจริงเราไม่ต้องเป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์เลยก็ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพกฎ เคารพกติกาของแต่ละสังคม แต่ละสถานที่ที่เราเข้าไปอยู่ ถ้ารู้จักปรับตัว เราก็จะอยู่ร่วมกับทุกสังคมได้อย่างสบายใจ

 

ที่ผ่านมาคิทไม่ใช่คนที่มีข่าวดีๆ คิทมีข่าวไม่ดีมาเยอะ คิทไม่ได้เป็นเด็กของช่องไหน แล้วก็ไม่ได้เป็นคนที่มีกระแส มันเลยเหมือนว่าทีมงานทุกคนให้โอกาสในขณะที่เราติดลบด้วยซ้ำ แนนโน๊ะเขาให้โอกาสคิทได้กลับมาทำงานที่รัก และยังให้โอกาสเราเป็นตัวเองมากขึ้น

คิดว่าอีพีไหนในซีรีส์ที่เทียบเคียงกับชีวิตจริงของคิทตี้ได้มากที่สุด

อีพีไหนเหรอคะ… ตอนที่เต้นบนเสาธงค่ะ (หัวเราะ) มันไม่ใช่ทั้งอีพี แต่เป็นเฉพาะซีนนั้นที่คิดว่ามันใกล้เคียงกับคิทโดยตรง เพราะที่ผ่านมาหลายๆ คนไม่เคยมีใครรู้จักกับตัวตนของคิทจริงๆ เราไม่เคยทักทายกัน ไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ แต่เขาเห็นเราจากข่าวต่างๆ หรือกับการที่มีคนมาแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่เป็นตัวเราโดยที่เราไม่มีสิทธิ์ไปตอบโต้เขา เช่นเดียวกับฉากเต้นหน้าเสาธงที่โดยนัยมันต้องการสื่อให้เห็นเหมือนเราเป็นคนที่อยู่ข้างนอก เราอยู่กลางสื่อ อยู่ตรงหน้าเสาธงที่แดดจ้า ทุกคนในโรงเรียนเห็น ขณะเดียวกันเราก็ไม่รู้เลยว่าใครว่าอะไรเราบ้าง สิ่งที่เราทำได้คือยิ้มรับแล้วอยู่กับมันต่อไปโดยไม่มีสิทธิ์แก้ตัวหรือปกป้องตัวเอง

 

ตอนเจอกับข่าวแรงๆ ร้ายๆ คิทตี้รู้สึกอย่างไรกับชีวิตของตัวเองในวงการบันเทิงบ้าง

คือคิทมองภาพตัวเองเป็นนักแสดงมาตลอด ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นดารา ณ เวลานี้ถามว่ารู้สึกผิดไหม เรารู้สึกผิดเสมอกับข่าวต่างๆ ที่ผ่านมา มันไม่ใช่ว่าตอนนี้ดังแล้วทุกคนต้องมาง้อ เวลาเจอพี่ๆ สื่อมวลชนเราก็ต้องขอโทษอยู่ดีที่เคยวู่วามหรือบันดาลโทสะ แต่ในเวลาเดียวกันคิทก็รู้สึกเสียใจที่ไม่มีใครฟังคำอธิบายของเราว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

กลัวไหมว่าในระยะยาวคนจะจดจำภาพนั้นไปเรื่อยๆ

คิทรู้สึกว่าต่อให้คนอื่นลืม คิทก็ยังเป็นคนที่จำได้อยู่ดี แล้วถ้าเราไม่กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราก็ไม่น่าจะก้าวต่อไปได้

 

เดี๋ยวนี้คนเราเคารพคนอื่นกันน้อยลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเป็นยุคที่มีโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทุกคนมีความคิดเห็นกันเร็วมากจนบางครั้งเราไม่ได้สนใจข้อเท็จจริงว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น

เรื่องราวในซีรีส์ เด็กใหม่ เดินเรื่องโดยตัวละครแนนโน๊ะที่จะย้ายโรงเรียน (มัธยม) ไปเรื่อยๆ แล้วถ้าอยากรู้จักตัวจริงของคิทตี้ก็ควรต้องรู้ว่าสมัยมัธยมเป็นอย่างไรบ้าง

คิทเป็นคนดื้อเงียบค่ะ ชอบนอนในห้องเรียน เหมือนเป็นคนฉลาดแกมโกงหน่อย เรารู้ว่าวันนี้จะเรียนเรื่องอะไร ในหนังสือเรียนเราจะทำคำตอบมาล่วงหน้า แล้วพอคุณครูเรียกเราจะตื่นมาตอบคำถามได้ คุณครูก็จะทำอะไรเราไม่ได้  

 

ที่นั่งประจำของคิทตี้สมัยเรียนคือตรงไหน

หลังห้องค่ะ (หัวเราะ)

 

มีประสบการณ์ร้ายๆ ที่ไม่น่าจดจำสมัยเรียนบ้างไหม อย่างโดนแกล้ง โดนบูลลี่ ฯลฯ

คิทว่าทุกคนเคยโดนกลั่นแกล้งหมด โดยเฉพาะการเป็นเด็กใหม่ ไม่ว่าจะในสังคมไหนก็ตาม บางคนอาจจะเคยมีเรื่องกับใครก่อน แล้วต่อมาอาจจะพัฒนากลายเป็นเพื่อนสนิทกันเลยก็ได้  

 

อย่างตอนที่คิทเข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรลดาใหม่ๆ ก่อนหน้านั้นคิทเรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯ มาก่อน แล้วเป็นคนที่ถูกสอนมาว่าเมื่อถูกถามก็ให้ยกมือตอบ หรือเคยไปรู้ข้อเท็จจริงบางอย่างมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองดีเบตได้ แต่พอย้ายเข้ามาอยู่ในโรงเรียนไทยก็ได้เรียนรู้ว่าการทำตัวแบบนี้เขามองว่าเป็น teacher’s pet หมายถึงเราพยายามจะเอาใจครู คิทใช้เวลาสักพักหนึ่งเหมือนกันถึงจะเข้าใจว่า อ๋อ เราก็ยังสามารถเป็นคนที่ไม่ได้เกเร ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องทำให้เพื่อนหมั่นไส้ได้

 

ประมาณว่าอย่าทำตัวเด่นจะเป็นภัย

ใช่ ย้อนกลับไปคิทมองว่าอาจจะเป็นเพราะเราย้ายมาจากโรงเรียนอินเตอร์ฯ ทำให้ภาษาอังกฤษน่าจะดีกว่าเพื่อนๆ ที่เรียนในโรงเรียนไทยมาตั้งแต่แรก ตรงนั้นเหมือนทำให้เกิดความกดดันขึ้นว่าทำไมเพื่อนทำได้มากกว่า ซึ่งในโลกความเป็นจริงไม่มีใครชอบความรู้สึกของการถูกกดหรอก แล้วคิทเองก็เคยเจอ มันเหมือนถ้าเราทำให้คนอื่นรู้สึกถูกกด เราก็อาจจะถูกเพื่อนๆ ฟีดแบ็กกลับมาว่าเป็นอะไร แรดเหรอ ทำไมต้องตอบคำถามครู อะไรแบบนี้

 

แล้วผ่านช่วงเวลานั้นมาอย่างไร

ช่วงแรกๆ เคยพยายามขอคุณแม่ว่าไม่อยากเรียนโรงเรียนไทยแล้ว อยากกลับไปโรงเรียนอินเตอร์ฯ แต่คุณแม่ไม่ให้ เพราะมองว่าถ้าเจอเรื่องแค่นี้แล้วยังผ่านไปไม่ได้ คุณก็จะกลายเป็นเด็กสปอยล์นะ ชีวิตนี้ถ้าทุกคนต้องตามใจ ถึงวันหนึ่งถ้าพลาดหรือล้มนิดหนึ่งแล้วเราจะเดินไปข้างหน้าต่อไม่ได้

 

ตอนนั้นเราก็มีหลากหลายวิธีในการพยายามรับมือ เช่น พยายามทำตัวเป็นเด็กเกเรไปเลย จนสุดท้ายเราก็มาเจอจุดตรงกลางว่า อ๋อ เราก็แค่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพยายามจะเป็นคนอื่น แค่นั้นพอ

 

ผู้ชายบางคนชอบวิจารณ์ผู้หญิงเรื่องรูปลักษณ์ หน้าตา หรือเรื่องบนเตียง ซึ่งคิทรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย เป็นผู้หญิง หรือเป็นใครก็ไม่ควรทำ แล้วถ้าครั้งหนึ่งคุณเคยชอบเขา คุณเอาเขามาพูดแบบนี้ได้ยังไง

ทุกวันนี้มีข่าวร้ายๆ เกี่ยวกับวัยรุ่นในสถานศึกษาเยอะมาก ถ้ามีน้องๆ มาขอคำปรึกษา รุ่นพี่อย่างคิทตี้จะแนะนำอะไรได้บ้าง

คิทว่าทั้งหมดทั้งมวลแล้วเราต้องมองตัวเองก่อนที่จะโทษคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นครูหรือเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เราต้องมองดูตัวเองก่อนว่ากำลังทำอะไรอยู่ และ ณ ขณะนี้เราเป็นยังไงในสายตาของคนอื่น หรือเป็นเรื่องที่ถ้าไม่ทำก็ไม่ตายสักหน่อย เราก็น่าจะลองปรับตัวเพื่อให้เข้ากับคนหมู่มาก เพราะคนคนเดียวมันเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งระบบไม่ได้อยู่แล้ว

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าคุณแน่ใจแล้วว่าไม่สามารถอยู่ในสังคมนี้ได้เลย คุณอาจจะต้องหาทางออกอื่น เช่น อาจจะย้ายโรงเรียนไหม หรือจะลงเรียนโฮมสคูล ทำในแบบที่คุณสบายใจ ไม่ใช่ว่าฝืนเป็นคนอื่นที่ตัวเราเองไม่ชอบ เพราะสุดท้ายมันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเองค่ะ

 

ซีรีส์ เด็กใหม่ เต็มไปด้วยแง่มุมสะท้อนสังคม อยากรู้ว่าเรื่องอะไรในสังคมไทยตอนนี้ที่คิทตี้รู้สึกหงุดหงิดมากที่สุด

หงุดหงิดมากที่สุดคือการที่เดี๋ยวนี้คนเราเคารพคนอื่นกันน้อยลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเป็นยุคที่มีโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทุกคนมีความคิดเห็นกันเร็วมากจนบางครั้งเราไม่ได้สนใจข้อเท็จจริงว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น

 

คิทเคยดูหนังสั้นเรื่องหนึ่ง เรื่องราวประมาณว่าผู้ชายคนหนึ่งกำลังขับรถอยู่ แล้วอยู่ๆ ก็มีรถอีกคันขับปาดไปปาดมาบนถนน ผู้ชายคนนั้นโมโหมาก ก็เลยพยายามขับกันรถคันนี้ไปตลอดทาง สุดท้ายหนังเฉลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังไปโรงพยาบาล เพราะได้ข่าวว่าคุณพ่อล้ม อาการหนัก แล้วไอ้รถคันที่ปาดไปปาดมาก็คือรถที่กำลังพาพ่อของเขาไปส่งโรงพยาบาล

 

ดูเรื่องนี้จบแล้วรู้สึกว่าบางทีเราเห็นคนอื่นแค่ไม่กี่วินาที เราก็พร้อมจะตัดสินเขา บางคนถ่ายรูปมาลงโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อจะวิจารณ์ ซึ่งมันน่าเสียใจ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าเขาไปเจออะไรมา แล้วถ้าเราต้องมาเจออะไรแบบเดียวกัน ไม่แน่ว่าเราอาจจะแสดงออกได้แย่กว่าเขาก็ได้

 

คิทตี้เองก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ผ่านประสบการณ์ถูกคนอื่นตัดสินมาพอสมควร

(หัวเราะ) ใช่ค่ะ คิทว่ามันน่าเสียใจที่เรามักจะไปตัดสินคนอื่นก่อน ทั้งที่ตัวเราก็ไม่ได้อยากให้คนอื่นมาตัดสิน

 

คิทชอบคนที่มีความสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเขาศึกษามันอย่างลึกซึ้ง คิทชอบคนแบบนี้ เพราะรู้สึกว่าแค่ฟังเขาพูดในสิ่งที่ตัวเองสนใจก็เหมือนได้ความรู้ แถมยังฟังเพลิน

ว่ากันว่าภาพลักษณ์คนในวงการบันเทิง ถ้าจะอยู่ให้ยาวก็ควรเป็นผ้าที่สะอาดสะอ้านสักหน่อย หรือไม่ก็ควรจะเป็นแบบอย่างให้คนอื่นได้ แต่สำหรับคิทตี้ที่พูดย้ำอยู่เรื่อยๆ ว่าไม่ได้สมบูรณ์แบบ คุณมีจุดยืนในวงการบันเทิงของตัวเองแบบไหน  

คิทเป็นนักแสดงค่ะ หมายถึงว่าคิททำงานที่มีคนจ้าง เราไม่ได้คิดว่าจะต้องเด่นหรือต้องเล่นเป็นนางเอก คือเราทำอะไรก็ได้ที่มีคนจ้างและรู้สึกสนุกที่ได้ทำมัน แต่ในเวลาเดียวกันคิทก็รู้ตัวดีว่าคงเป็นไอดอลให้ใครไม่ได้ หรือถ้าให้ไปรณรงค์แคมเปญบางอย่าง เช่น ให้เลิกสูบบุหรี่ คิทรู้ตัวดีว่าถ้าทำคงไม่เวิร์ก เพราะโกหกไม่ลง เราไม่ได้อยากปิดบัง เราไม่ได้อยากใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ หรือแอบทำ  

 

อย่าง ณ เวลานี้ที่เหมือนมีคนเข้ามาชอบเรา ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ได้อยากทำในที่ที่โจ่งแจ้งมาก ไม่อยากเป็นต้นแบบที่ไม่ดีให้คนอื่น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคิทจะแบบ… อ๋อ เลิกบุหรี่แล้วค่ะ แต่ความจริงสูบอยู่ในบ้าน คือคิทว่าความจริงมันไม่ฆ่าใคร แต่ถ้าเราปกปิดไว้แล้ววันหนึ่งมีคนไปขุดเจอ แบบนั้นน่าจะวุ่นวายกว่า

 

ตอนนี้คิทตี้อายุ…

something ค่ะ ต้องให้เกียรติชุดนักเรียนคิทนิดหนึ่งนะคะ (หัวเราะ)

 

(หัวเราะ) แค่จะเกริ่นถาม คิดว่าตัวเองใช้ชีวิตวัยรุ่นคุ้มแล้วหรือยัง

คิทแก่แดดไวมากเลยค่ะ เหมือนเราโตเร็วมาก ถามว่าใช้ชีวิตคุ้มไหม คิดว่าได้ทำอะไรหลายๆ อย่างในช่วงวัยรุ่นแล้วก็เลิกมันเร็ว ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ดี    

 

นิยามคำว่าแก่แดดในความเข้าใจของคิทตี้หน่อย

ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ชอบไปเที่ยวผับ ไม่ได้ชอบไปในที่ที่เปิดเพลงตื้ดๆ เรามีความเป็นคนแก่ที่อยากจะไปนั่งจิบไวน์ ฟังเพลงเบาๆ คุยกับคนที่มาด้วยรู้เรื่อง

 

หมายความว่าคิทตี้ผ่านเรื่องพวกนี้มาหมดแล้ว เข้าใจมันหมดแล้ว

ใช่ค่ะ คือคิทเที่ยวเร็วเหมือนกัน (หัวเราะ)  

 

เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะตอบได้ว่าทำไมวัยรุ่นถึงชอบเที่ยวกลางคืน

คิทคิดว่าทุกคนอยากจะมีตัวตนในสังคมนะคะ ไม่มีใครอยากเป็นใครก็ไม่รู้ ทุกคนอยากจะเป็นใครสักคนหนึ่ง ซึ่งการที่ได้อยู่ในซีนของสังคมอาจจะทำให้เขารู้สึกว่าตัวตนของตัวเองชัดขึ้น รู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ตัวเองรู้สึกว่าดี

 

ซีรีส์นี้พยายามจะกระตุ้นเตือนผู้หญิงว่าถ้าคุณเป็นเหยื่อ คุณเคยถูกทำร้าย คุณไม่ใช่คนที่ต้องอาย คนที่ต้องอาย คนที่ไม่อยากออกจากบ้าน หรือกลัวคนอื่นด่าคือคนที่ทำร้ายคุณต่างหาก เพราะเราเป็นคนถูกกระทำ  

เวลาเสิร์ชชื่อคิทตี้ในอินเทอร์เน็ต เขาบอกว่าคุณเป็นคาสโนวี่ เรื่องนี้จริงไหม

(หัวเราะ) คิทว่าไม่จริงค่ะ เหตุผลคือคิทเป็นคนไม่ชอบประจานความสัมพันธ์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก เวลาคิทเลิกกับใครหรือคบกับใคร ถ้าคนอื่นจะได้เห็นคือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่านั้น เราไม่ใช่คนชอบสื่อสารประเภท ขอบคุณนะที่ทิ้งกัน หรือทำอะไรที่รุนแรง และไม่ใช่คนที่จะต้องออกมาประกาศให้โลกรู้ว่าเรากำลังคบหรือเลิกกับใคร คนที่มองอยู่ห่างๆ เลยจะเข้าใจไปเองว่าเรายังอยู่ในความสัมพันธ์นั้นๆ แล้วพอเจออีกทีอาจจะเห็นเราไปคบกับอีกคนหนึ่ง ซึ่งความจริงมันไม่ได้เกิดขึ้นแบบวันนี้พรุ่งนี้     

 

ก่อนจะมาเป็นแนนโน๊ะ ถามจริงๆ ว่าเบื่อไหมที่สื่อมักจะแนะนำว่าคิทตี้คือแฟนเก่าของ… แทนที่จะโฟกัสที่ผลงาน

คงทำอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่บอกว่าเราเป็นแฟนกับนาย A ที่ไม่เคยคบด้วย ถ้าแบบนั้นคิทคงจะปกป้องตัวเอง แต่ตอนนี้คิทดีใจนะที่เริ่มมีคนสนใจแนนโน๊ะมากกว่าผู้ชายที่ผ่านมาของคิทตี้ (หัวเราะ)  

 

ผู้ชายแบบไหนที่จะทำให้คิทตี้รู้สึกว่าคนนี้น่าสนใจจัง  

คิทชอบคนฉลาดค่ะ ไม่ได้ฉลาดแบบว่าเล่นหุ้นเก่งหรืออะไรแบบนั้น แต่คิทชอบคนที่มีความสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเขาศึกษามันอย่างลึกซึ้ง เราชอบคนแบบนี้ เพราะรู้สึกว่าแค่ฟังเขาพูดในสิ่งที่ตัวเองสนใจก็เหมือนได้ความรู้ แถมยังฟังเพลิน

 

ผู้ชายคนไหนที่ไม่ชอบและอย่าเอาชีวิตเข้ามาใกล้

ไม่ชอบผู้ชายหน้าตัวเมียค่ะ (หัวเราะ)

 

นิยามคำว่าผู้ชายหน้าตัวเมียให้ฟังหน่อย  

ไม่ชอบผู้ชายที่ว่าผู้หญิง นอกเสียจากว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีพฤติกรรมเลวร้ายถึงขีดสุดจริงๆ แต่ผู้ชายบางคนชอบวิจารณ์หญิงเรื่องรูปลักษณ์ หน้าตา หรือเรื่องบนเตียง ฯลฯ ซึ่งคิทรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย เป็นผู้หญิง หรือเป็นใครก็ไม่ควรทำ แล้วถ้าครั้งหนึ่งคุณเคยชอบเขา คุณเอาเขามาพูดแบบนี้ได้ยังไง

 

คิทก็ภูมิใจที่มีคุณแม่หลายคนช่วยกันสร้างตัวละครนี้ขึ้นมา ทำให้แนนโน๊ะได้มีชีวิตโลดแล่น แล้วในความแสบหรือความร้ายของเขาก็ยังมีบางอย่างที่คอยให้กำลังใจผู้หญิงอยู่ด้วย

ทราบว่ามาซีรีส์ เด็กใหม่ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผู้หญิง แล้วในฐานะลูกผู้หญิง คิทตี้มองเห็นอะไรจากซีรีส์นี้บ้าง

ใช่ค่ะ เริ่มต้นจากซีรีส์นี้มันถูกสร้างโดยผู้หญิง หมายถึงว่าทีมครีเอทีฟก็เป็นแก๊งหญิงล้วน เรียนโรงเรียนคอนแวนต์หมด เรามีโปรดิวเซอร์คนหนึ่งเป็นผู้หญิง และอีกคนเป็นผู้ชาย ครูที่สอนแอ็กติ้งให้ก็เป็นผู้หญิง และอีกคนเป็นเพศที่สาม ส่วนคิทเป็นนักแสดงผู้หญิง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลของแต่ละอีพีเราได้แรงบันดาลใจมาจากแฮชแท็กอย่าง #Metoo ที่ผู้หญิงหลายคนเป็นเหยื่อมานานแสนนาน แต่ไม่เคยกล้าที่จะออกมายอมรับ

 

ซีรีส์นี้พยายามจะกระตุ้นเตือนผู้หญิงว่าถ้าคุณเป็นเหยื่อ คุณเคยถูกทำร้าย คุณไม่ใช่คนที่ต้องอาย คนที่ต้องอาย คนที่ไม่อยากออกจากบ้าน หรือกลัวคนอื่นด่า คือคนที่ทำร้ายคุณต่างหาก เพราะเราเป็นคนถูกกระทำ ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรจะไปกระทำกับคนอื่นไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือทางร่างกาย  

 

เชื่อว่าคิทตี้เองก็น่าจะภูมิใจที่จะได้พูด ได้แสดงออกแทนความคิดและความรู้สึกของผู้หญิงอีกมากมายในสังคมที่อาจจะเคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้

ใช่ค่ะ คิทก็ภูมิใจที่มีคุณแม่หลายคนช่วยกันสร้างตัวละครนี้ขึ้นมา ทำให้แนนโน๊ะได้มีชีวิตโลดแล่น แล้วในความแสบหรือความร้ายของเขาก็ยังมีบางอย่างที่คอยให้กำลังใจผู้หญิงอยู่ด้วย

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising