เป็นที่รู้กันดีว่า Kit Harington กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการแสดงมหากาพย์ซีรีส์ Game of Thrones ในบทบาทพระเอกของเรื่องอย่าง Jon Snow แต่ถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในวงการฮอลลีวูด แต่ชีวิตส่วนตัวของเขากลับต้องเผชิญปัญหามากมาย ทั้งในระหว่างการถ่ายทำซีรีส์ดังกล่าว ไปจนถึงหลังจากที่ซีรีส์เรื่องนี้จบลง
ก่อนหน้านี้ Kit Harington เคยเปิดเผยผ่าน The Times ว่า เขาจัดอยู่ในกลุ่ม Neurodiversity หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางระบบประสาท โดยเขาเพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น (ADHD) ในภายหลัง ซึ่งเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้นั้น เขาใช้การดื่มแอลกอฮอล์ในการจัดการภาวะโรคสมาธิสั้นของตัวเอง จนนำไปสู่การเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังในที่สุด
Kit Harington ได้รับโอกาสในการแสดงซีรีส์ Games of Thrones และในตอนนั้นเองที่โรคพิษสุราเรื้อรังของเขายิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม โดยล่าสุดเขาเผยผ่านรายการพอดแคสต์ The Hidden 20% ว่า “ผู้คนปฏิบัติกับผมเหมือนผมเป็น Jon Snow ตัวละครที่เป็นฮีโร่และเป็นคนดี แต่ในชีวิตจริง ส่วนตัวแล้วผมไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด และผมคิดว่ามันทำให้เกิดบาดแผลทางใจบางอย่าง ผมดื่มเยอะมาก และเผชิญหน้ากับการเสพติดที่นำมาซึ่งการหลบๆ ซ่อนๆ และนั่นมันตรงข้ามกับตัวละครผู้โกหกไม่เป็นที่ผมแสดงโดยสิ้นเชิง”
Kit Harington เผยอีกว่า ผู้คนต่างก็คาดหวังว่าเขาจะเป็นพระเอกเหมือน Jon Snow ในชีวิตจริง “ความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทันทีที่ผมเริ่มพูด”
หลังจากที่ Kit Harington เสร็จสิ้นการถ่ายทำ Game of Thrones เขาก็ยังคงมีปัญหาติดสุราและปัญหาสุขภาพจิตเรื่อยมา จนมาถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต เมื่อเขาแสดงละครเวทีเรื่อง True West ในช่วงปี 2018-2019 เขาเผยว่า “ในจุดนั้นตัวละครกับตัวผมผสมปนเปกันไปหมด ผมไม่รู้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร และยังคงดื่มต่อไปพร้อมๆ กับที่รับบทเป็นตัวละครที่ติดเหล้า มันคือช่วงที่แย่ที่สุดแล้ว และตอนนั้นเองที่ผมบอกคนรอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้น และหาทางแก้ไขมัน”
ในที่สุด Kit Harington ก็เข้าสถานบำบัดเพื่อเลิกดื่ม แต่เขาก็ออกมาอย่างรวดเร็วและคิดว่าเขาจะพยายามรับมือกับมันด้วยตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้ผลจนกระทั่งเวลาผ่านไป 4 ปี สุดท้ายเขาก็พยายามอีกครั้งเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น และเขาก็สามารถรักษาเยียวยาตัวเองได้อย่างถูกทาง
“ผมมารู้ตัวทีหลังว่าชีวิตของผมมีสิ่งนี้อยู่ด้วย โชคดีที่มันเกิดขึ้นแบบถูกที่ถูกเวลา ผมจึงสามารถตั้งต้นและเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ได้จากตรงนั้น”
ภาพ: Pietro S. D’Aprano / Getty Images for Fendi
อ้างอิง:
