×

สรุปเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัว เริ่ม 1 พฤศจิกายนนี้

โดย THE STANDARD TEAM
23.10.2021
  • LOADING...
นักท่องเที่ยวต่างชาติ

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ใจความสำคัญคือการเตรียมความพร้อมเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่นำร่องหรือพื้นที่สีฟ้า โดยไม่ต้องกักตัว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายภายในประเทศ นำมาซึ่งการออกระเบียบ ประกาศและคำสั่ง เพื่อรองรับการเปิดประเทศที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน

 

THE STANDARD ประมวลสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดประเทศ

 

1. วันที่ 21 ตุลาคม พล.อ. ประยุทธ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กใจความสำคัญ จะเพิ่มจำนวนรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำกลุ่มแรก ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัวจากเดิม 10 ประเทศ เป็น 46 ประเทศ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่เดือดร้อนกันอย่างมากมานาน

 

2. ต่อมา ธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการมาตรการการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ ลงนามออกประกาศศูนย์ปฏิบัติการมาตรการการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ เรื่อง ‘การกำหนดรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรสำหรับบุคคลประเภท (13)’ 

 

3. รายละเอียดสำคัญระบุคือการอนุมัติประเทศและพื้นที่ที่อนุญาตให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรสำหรับบุคคลประเภท (13) “ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล” ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข และการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยในประกาศดังกล่าวระบุถึงรายชื่อประเทศทั้ง 46 ประเทศ และแนวทางการปฏิบัติมาตรการการเดินทางเข้า-ออก ประเทศหลัง 1 พฤศจิกายน ซึ่ง 46 ประเทศประกอบด้วย

 

    1. ออสเตรเลีย 
    2. ออสเตรีย
    3. บาห์เรน 
    4. เบลเยียม 
    5. ภูฏาน 
    6. บรูไนดารุสซาลาม 
    7. บัลแกเรีย
    8. กัมพูชา
    9. แคนาดา
    10. ชิลี
    11. จีน
    12. ไซปรัส
    13. สาธารณรัฐเช็ก 
    14. เดนมาร์ก 
    15. เอสโตเนีย 
    16. ฟินแลนด์ 
    17. ฝรั่งเศส
    18. เยอรมนี 
    19. กรีซ 
    20. ฮังการี
    21. ไอซ์แลนด์  
    22. ไอร์แลนด์ 
    23. อิสราเอล 
    24. อิตาลี
    25. ญี่ปุ่น
    26. ลัตเวีย
    27. ลิทัวเนีย 
    28. มาเลเซีย 
    29. มอลตา
    30. เนเธอร์แลนด์
    31. นิวซีแลนด์  
    32. นอร์เวย์  
    33. โปแลนด์  
    34. โปรตุเกส 
    35. กาตาร์ 
    36. ซาอุดีอาระเบีย 
    37. สิงคโปร์ 
    38. สโลวีเนีย
    39. สาธารณรัฐเกาหลี 
    40. สเปน
    41. สวีเดน
    42. สวิตเซอร์แลนด์
    43. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  
    44. สหราชอาณาจักร 
    45. สหรัฐอเมริกา
    46. ฮ่องกง

 

4. วันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด-19) เรื่อง พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว โดยมีบัญชีรายชื่อจังหวัดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น 17 จังหวัด ประกอบด้วย

 

    1. ภูเก็ต
    2. สุราษฎร์ธานี
    3. กรุงเทพฯ
    4. สมุทรปราการ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
    5. กระบี่
    6. 6.พังงา
    7. ประจวบคีรีขันธ์ (ต.หนองแก อ.หัวหิน)
    8. เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ)
    9. ชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง, ต.จอมเทียน ต.บางเสร่ เกาะสีชัง อ.ศรีราชา)
    10. ระนอง (เกาะพยาม)
    11. เชียงใหม่ (อ.เมือง, อ.แม่ริม, อ.แม่แตง, อ.ดอยเต่า)
    12. เลย (อ.เชียงคาน)
    13. บุรีรัมย์ (อ.เมือง)
    14. หนองคาย (อ.เมือง, อ.ศรีเชียงใหม่, อ.ท่าบ่อ, อ.สังคม)
    15. อุดรธานี (อ.เมือง, อ.นายูง, อ.หนองหาน, อ.กุมภวาปี, อ.บ้านดุง)
    16. ระยอง (เกาะเสม็ด)
    17. ตราด (เกาะช้าง)
  1.  

5. สำหรับแนวทางการเดินทางเข้าประเทศมีดังนี้

 

  • เดินทางจากทุกประเทศ, ผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนครบโดส ต้องเข้าสู่การกักกันโรคในสถานกักกันที่รัฐจัดให้
  • ผู้เดินทางจากประเทศที่รัฐกำหนดมายังจังหวัดนำร่องเปิดการท่องเที่ยว ต้องได้รับวัคซีนครบโดส และจะต้องเตรียมเอกสารและปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังนี้
    • เดินทางมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และเดินทางมาทางอากาศเท่านั้น
    • มีเอกสารรับรองการรับวัคซีนครบ 2 เข็ม
    • มีผลการตรวจเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางไม่เกิน 72 ชั่วโมง
    • ทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
    • มีใบจองที่พัก
    • เมื่อเดินทางมาถึงจะต้องตรวจหาเชื้อซ้ำโดยทันที
    • เมื่อผลเป็นลบถึงจะเดินทางต่อไปยังพื้นที่อื่นได้
  • เดินทางเข้าโครงการแซนด์บ็อกซ์ เป็นไปตามเงื่อนไขของกระทรวงสาธารณสุข

 

6. ต่อมาราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 36) ใจความสำคัญคือการ ยกเลิกการเคอร์ฟิวในพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง หรือพื้นที่สีฟ้า และให้ผู้ประกอบการผับ บาร์ และสถานบันเทิงเตรียมความพร้อม แต่ยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการ มีผล 23.00 น.ของวันที่ 31 ตุลาคมนี้

 

7. วันที่ 22 ตุลาคม พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวถึงเรื่องการเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ ว่า “จะพยายามนำเสนอ ศบค. ในสัปดาห์หน้าเรื่องการเปิดเธค ผับ บาร์ คาราโอเกะ สำหรับเที่ยวกลางคืน คงจะไปทำความเข้าใจกับทาง ศบค. ว่า ส่วนนี้คือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวหรือเยาวชนไทย ซึ่งผมจะไม่พูดถึงกรุงเทพฯ เพราะกรุงเทพฯ เป็นอะไรที่ค่อนข้างควบคุมได้ยาก แต่ต่างจังหวัดจะมีโซนนักท่องเที่ยวซึ่งน่าจะควบคุมง่ายกว่า” 

 

8. วันที่ 23 ตุลาคม ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ศบค. กำหนดโครงการเปิดประเทศแบบไม่กักตัว เริ่ม 1 พฤศจิกายนนี้ สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ในประเทศไทยและสถานการณ์ทั่วโลกมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้น โดยแบ่งออก เป็น 3 ช่วงระยะเวลาที่ชัดเจน คือ 

 

  • ระยะที่ 1 ช่วงวัน 1-30 พฤศจิกายน จะเปิดพื้นที่ 17 จังหวัดนำร่อง 
  • ระยะที่ 2 ช่วงวัน 1-31 ธันวาคม จะเปิดเมืองหลักหรือจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 15% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดและเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้า
  • ระยะที่ 3 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 จะเปิดพื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจ จังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน

 

9. ธนกร ระบุด้วยว่า ในแต่ละช่วงเวลา จะมีการปรับหลักเกณท์ที่เหมาะสม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศและประเทศต้นทาง รวมทั้งยังมีการประเมินผลการเข้าราชอาณาจักรทุก 1-2 สัปดาห์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในของประเทศนั้นๆ เพื่อเป็นการพิจารณาความเหมาะสมของประเทศต้นทางด้วย

 

อ่านเพิ่มเติม:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising