×

‘กสิกรไทย’ เตือนเงินบาทเสี่ยงผันผวนสูงในกรอบ 33.80-35.40 บาทต่อดอลลาร์ จับตาท่าที Fed-การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ส่งผลกระทบต่อฟันด์โฟลว

24.05.2023
  • LOADING...
ธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทยเตือนเงินบาทในช่วง 1 เดือนจากนี้อาจผันผวนสูงในกรอบ 33.80-35.40 บาทต่อดอลลาร์ จับตาท่าที Fed และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ส่งผลกระทบต่อฟันด์โฟลว ห่วงเกิดชุมนุมประท้วงจนกระทบเครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจอย่างการท่องเที่ยว

 

กอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า ค่าเงินบาทในช่วง 1 เดือนหลังจากนี้มีโอกาสจะเคลื่อนไหวผันผวนสูงในกรอบ 33.80-35.40 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากขณะนี้ตลาดเริ่มมีการโต้เถียงกันถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ว่าจะยุติแล้วหรือแค่ชะลอไว้ชั่วคราวแล้วกลับมาเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อสกัดเงินเฟ้อในภายหลัง ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนในการประชุม FOMC ในเดือนมิถุนายน

 

“ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราเห็นต่างชาติถอนเงินออกจากตลาดบอนด์ไทยไปแล้ว 8.2 หมื่นล้านบาท และจากตลาดหุ้นอีก 2.68 หมื่นล้านบาท ทำให้เงินบาทกลับมาอ่อนค่า ในระยะสั้นนี้เราน่าจะยังไม่เห็นฟันด์โฟลวไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ แต่เงินจะเริ่มไหลเข้าอีกครั้งในช่วงเดือนกันยายน เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับท่าทีของ Fed ซึ่งในช่วงดังกล่าวปัจจัยการเมืองไทยก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นเช่นเดียวกัน” กอบสิทธิ์กล่าว

 

กอบสิทธิ์ระบุว่า ในช่วง 4 สัปดาห์ต่อจากนี้ปัจจัยที่จะมีน้ำหนักต่อค่าเงินบาทคือท่าทีของ Fed แต่ในช่วง 4-6 สัปดาห์ต่อจากนั้นน้ำหนักจะเริ่มเหวี่ยงมาที่การเมืองในประเทศว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะทำได้ราบรื่นหรือไม่ หากการจัดตั้งรัฐบาลสามารถทำได้ มีการผลักดันนโยบายต่างๆ ได้ ชาติตะวันตกมองไทยเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มีแนวโน้มที่การเจรจาเขตการค้าเสรีกับ EU จะคืบหน้า ก็จะทำให้ภาพลักษณ์เศรษฐกิจไทยในสายตาต่างชาติเป็นบวกมากขึ้น

 

“เรื่องที่เราคิดว่าสำคัญคือการเจรจา FTA กับ EU หากทำได้ เราจะสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนโดยตรงหรือ FDI เข้ามาในประเทศได้ ปัจจุบันการลงทุนภาคเอกชนของไทยอยู่ที่ 18% ของ GDP ซึ่งค่อนข้างน้อย เปรียบเหมือนเราลงทุนเพื่อชดเชยค่าเสื่อมเท่านั้น แต่ถ้าเรามี FTA ใหม่ๆ เข้ามาก็จะดึงดูดให้ต่างชาติมาตั้งฐานผลิต เราจะแข่งขันกับเวียดนามได้” กอบสิทธิ์กล่าว

 

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่การจัดตั้งรัฐบาลมีความล่าช้าไปจากไทม์ไลน์ปกติ กอบสิทธิ์ประเมินว่า ผลกระทบจากเกิดขึ้นกับการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐจากการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2567 ที่ล่าช้า แต่ในกรณีดังกล่าวโครงการเก่าที่ยังมีอยู่ก็สามารถดำเนินการต่อได้ภายใต้รัฐบาลรักษาการ ทำให้ธนาคารยังเชื่อว่าการลงทุนภาครัฐปีนี้จะยังขยายตัวได้ 2.3% ขณะที่ภาพรวม GDP ของประเทศจะยังโตได้ 3.7% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยว

 

“ในช่วง 4 เดือนแรกของปี เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วราว 8.6 ล้านคน และคาดว่าทั้งปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 28.5-30 ล้านคน โดยตัวเลขจะเร่งขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว สิ่งที่เรากังวลคือจะมีการชุมนุมหรือประท้วงที่กระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ หากไม่มีเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะยังไปได้” กอบสิทธิ์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising