×

หุ้นแบงก์ใหญ่ KBANK-SCB ร่วงอีก นักลงทุนขายลดเสี่ยง หวั่นปัญหาตั้งสำรองหนี้ STARK ยังไม่จบ

24.04.2023
  • LOADING...
หุ้น KBANK SCB

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงเกือบยกแผง 1% ผวาแบงก์ใหญ่ KBANK-SCB เสี่ยงตั้งสำรองหนี้เพิ่มจากกรณีปล่อยกู้ให้ STARK หวั่นปัญหายังไม่จบ ทำนักลงทุนขายลดเสี่ยง ลามฉุดหุ้นแบงก์ขนาดกลางร่วงแรง แต่ 2 โบรกพร้อมใจเชียร์ซื้อ KBANK-SCB หลังราคาลงเกินพื้นฐาน 

 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวลดลงวันนี้ (24 เมษายน) ประมาณ 1-2% โดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่คือธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK กับธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ในกลุ่ม บมจ.เอสซีบี เอกซ์ หรือ SCB ที่มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมอีกในงบไตรมาส 2/66-4/66 จากกรณีปัญหาการปล่อยสินเชื่อให้กับ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK ที่ขอเลื่อนการส่งงบการเงินกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

เนื่องจากแม้ว่าทั้ง KBANK กับ SCB จะระบุว่าธนาคารได้ตั้งสำรองในงบการเงินไตรมาส 1/66 ของลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะเป็น STARK ไปแล้ว แต่ข้อมูลจากการจัดงานประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) ของ KBANK เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา KBANK ยังไม่ได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะไม่มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมอีกในงบการเงินช่วงที่เหลือของปี 2566 จากกรณีของ STARK ขณะที่ SCB ก็ยังไม่ได้ออกให้ข้อยืนยันข้อมูลด้วยเช่นกันว่าจะมีการตั้งสำรองเพิ่มเติมอีกหรือไม่

 

อีกทั้งราคาหุ้นของทั้ง KBANK กับ SCB เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากแจ้งงบการเงินในไตรมาส 1/66 ออกมา แต่ล่าสุดยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนเพิ่มเติมออกมาจากกรณีดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มธนาคารออกมาเพื่อลดความเสี่ยง รอติดตามความคืบหน้าในประเด็นนี้

 

อย่างไรก็ดีในมุมมองของ บล.หยวนต้า เห็นราคาหุ้น KBANK กับ SCB ที่ปรับตัวลดลงแรงเกินเมื่อเปรียบกับปัจจัยพื้นฐาน แนะนำซื้อ KBANK ให้ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 178 บาท และแนะนำซื้อ SCB ให้ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 148 บาท 

 

ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุว่า KBANK รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 1.07 หมื่นล้านบาท ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามที่ตลาดคาด โดย Credit Cost กลับมาเป็นปกติแม้จะรวมผลกระทบของ STARK แล้ว ซึ่งแม้จะมีกรณีของ STARK แต่คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมดีขึ้นจาก NPL ที่ลดลงที่ทรงตัว ทำให้ KBANK สามารถปรับลดการตั้งสำรองลงเป็น 1.27 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 2.28 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 1/66 

 

ทั้งนี้ แม้ KBANK จะรายงาน Credit Risk เพิ่มขึ้นจากธุรกิจขนาดใหญ่ในไตรมาสที่ผ่านมาที่มีปัญหาในการชำระหนี้ แม้ว่าไม่มีการแจ้งชื่อ แต่คาดว่าเป็น STARK ซึ่ง คาดว่ามีสัดส่วนราว 6% ของ ECL หรือราว 7.7 พันล้านบาท คาดว่า Credit Cost สำหรับช่วงปี 2566 จะอยู่เหนือกว่ากรอบที่ 1.75-2% และมีโอกาสที่จะขึ้นได้แต่ไม่เกิน 2.10% แนะนำให้ ‘ซื้อ’ KBANK มูลค่าที่เหมาะสม 160 บาท 

 

ส่วน SCB ไม่ได้ให้ข้อมูลสถานะความเสี่ยงแบบเจาะจง แต่กล่าวว่าประมาณ 1 พันล้านบาทได้ถูกจัดไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำรองในไตรมาส 1/66 สำหรับกู้ยืม ไม่ได้รวมกับต้นทุนความเสี่ยงของสินเชื่อที่ไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้นที่อยู่ที่ 1.50% โดย SCB ให้เงินกู้กับ STRAK ในไตรมาส 3/65 รวม 8.6 พันล้านบาท โดยเชื่อว่าสถานะความเสี่ยงของ SCB อาจจะอยู่แค่ประมาณ 1-2 พันล้านบาท 

 

ดังนั้นสำหรับค่าใช้จ่ายสำรอง 1 พันล้านบาท อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับการแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังไม่มีสัญญาณด้านความอ่อนตัวของ Credit รวมกับความมั่นคงของ NPL โดยยังคงแนะนำ ‘ซื้อ’ SCB  ให้ราคาเหมาะสม 130 บาทได้ ตลาดคงจะกลับมาประเมินหุ้นใหม่ 

 

กสิกรไทยเผยยังไม่ได้หารือ STARK 

 

วันนี้ (24 เมษายน) ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับรายละเอียดของ STARK ซึ่งขอเลื่อนการนำส่งงบการเงินไปเป็นวันที่ 21 เมษายน 2566 และมีการปรับเปลี่ยนทีมผู้บริหาร จนทำให้หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ โดยขัตติยาตอบว่า ต้องรอฟังทิศทางของบริษัท ต้องรอบริษัทออกมาแจ้งเอง โดยเราหวังใจว่าจะมีทางออกที่ดี

 

ด้านผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามว่าทาง STARK ได้นัดเข้ามาหารือหรือยัง ขัตติยาตอบว่า ยังไม่ได้ยินอะไร โดยเชื่อว่าบริษัทกำลังพยายามหารือแนวทางอยู่

 

ผู้สื่อข่าวยังสอบถามต่อว่า ลูกค้ารายอื่นๆ ของธนาคารมีแนวโน้มเผชิญสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันอีกไหม ขัตติยาตอบว่า “เรายังไม่รู้เลยว่า STARK เป็นอย่างไร และเชื่อว่าทุกบริษัทตั้งใจทำธุรกิจให้ดี มีรายได้ มีกำไร ธนาคารก็เช่นเดียวกัน เราเอาใจช่วยลูกค้าทุกประเภท ทุกบริษัท” 

 

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยระบุระหว่างการเผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ว่า ธนาคารพบว่ามีลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งที่คุณภาพหนี้มีสัญญาณความเสื่อมถอย โดยธนาคารได้มีสำรองสำหรับหนี้ส่วนนี้ไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ธนาคารอาจพิจารณาความเหมาะสมในการกันสำรองเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

 

ด้านการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์วันนี้ (24 เมษายน) ปิดตลาดราคาปรับลดลงเฉลี่ยประมาณ 1% โดย KBANK ปิดที่ 127.50 บาท ลบ 0.78%, SCB ปิดที่ 102.50 บาท ติดลบ 0.49% ขณะที่หุ้นธนาคารขนาดกลางปรับตัวลดลงแรง โดย KTB ปิดที่ 18 บาท ติดลบ 1.10%, TTB ปิดที่ 1.46 บาท ลบ 2.01%, KKP ปิดที่ 64 บาท ลบ 1.92%

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising