×

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม FOMC วันที่ 15-16 มี.ค. นี้

14.03.2022
  • LOADING...
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม FOMC วันที่ 15-16 มี.ค. นี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและยังเร่งตัวขึ้นจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้ ในการประชุม FOMC วันที่ 15-16 มีนาคมนี้ 

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเผชิญความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปวัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เร่งตัวสูงขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีที่ 7.9%YoY ตามราคาพลังงาน อาหาร และที่อยู่อาศัย ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ก็เร่งตัวสูงขึ้นที่ 6.4%YoY ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แม้ผลกระทบจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังอยู่ในกรอบจำกัด แต่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ก็อยู่ในระดับสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่งผลให้ Fed คงจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ

 

แม้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจจะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาในฝั่งอุปทานที่เป็นสาเหตุหลักของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายคงช่วยลดการคาดการณ์เงินเฟ้อและยับยั้งการเกิดวัฏจักรเงินเฟ้อ (Inflation Spiral) ได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่ตลาดแรงงานในปัจจุบันก็มีความแข็งแกร่งและเข้าใกล้ระดับเต็มศักยภาพ (Full Employment) โดยอัตราว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.9% จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 4.0% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปัจจุบันมีความพร้อมที่จะรองรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน คาดว่า Fed คงหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินนโยบายการเงินแบบแข็งกร้าว (Hawkish) จนเกินควร ดังนั้น Fed คงมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังเชื่อว่า ท่ามกลางความวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายลง ในขณะที่มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียยังมีการยกระดับขึ้นไป ซึ่งเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดังนั้น Fed คงต้องติดตามและประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตนี้ในการพิจารณานโยบายการเงินในระยะข้างหน้า ซึ่ง Fed คงเผชิญสถานการณ์ที่จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะเร่งตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี และมีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง 

 

ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน หลังจากสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรมีการออกมาตรการคว่ำบาตรระงับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจะไปบั่นทอนการใช้จ่ายของครัวเรือนให้อ่อนแอลง และส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจขยายตัวต่ำกว่าที่คาด ดังนั้น Fed คงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะทรงตัวในระดับสูง และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่อาจอ่อนแอกว่าที่คาด โดย Fed คงต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า 

 

ทั้งนี้ ในการประชุม FOMC ครั้งนี้ จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Dot Plot) ซึ่งคาดว่า Fed อาจมีการปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อขึ้นและปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ Fed Dot Plot อาจส่งสัญญาณจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ Fed Dot Plot ในเดือนธันวาคม 2564 ได้ส่งสัญญาณไว้ว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพียง 3 ครั้งในปี 2565 ในขณะที่ล่าสุด ตลาดยังคงมีมุมมองว่า Fed อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง โดยให้น้ำหนักไปที่ 7 ครั้งมากที่สุด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี คาดว่าจะอยู่ที่ราว 1.75-2.00% แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน 

 

อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า จังหวะการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในระยะข้างหน้าคงจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้มุมมองต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันได้ โดยหากการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรยังคงยืดเยื้อและมีความรุนแรงอันจะส่งผลกระทบทางลบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง อาจส่งผลให้ Fed จำเป็นต้องชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยกว่าที่ตลาดคาด

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising