วันนี้ (10 สิงหาคม) กัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยว่า การเปลี่ยนขั้วไม่ควรเกิดขึ้นในการเมืองไทยอีกต่อไป เราต้องสร้างระบอบประชาธิปไตยอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการติดต่อพรรคเป็นธรรมมา อาจเพราะจุดยืนที่มั่นคง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ‘ไม่ได้ข้ามขั้ว แต่สลายขั้ว’ มองอย่างไร กัณวีร์มองว่าไม่ใช่สลายขั้ว แต่จับกลุ่มก้อนของพรรคก็เป็นขั้วรัฐบาลเดิม ซึ่งกฎกติกาต้องยึดมั่นให้ได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะทำอย่างไร ถ้าเลือกตั้งชนะแล้วไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีประชาชนก็จะหมดศรัทธา ส่วนจะโหวตให้แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ตนเองก็ขอดูก่อนว่าสูตรการจัดตั้งรัฐบาลเป็นอย่างไร แต่ถ้ามี 2 ลุงก็ไม่เอา ซึ่งตอนนี้เสียงก็ยังไม่มีถึงกึ่งหนึ่ง อาจจะต้องมีเพิ่มอีกพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าอาจมี สส. จากพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมรัฐบาลเป็นกลุ่ม อาจไม่ได้มาทั้งพรรค กัณวีร์กล่าวว่า แบบนั้นก็แย่ เพราะตอนหาเสียงบอกในนามของพรรค แต่พอตั้งรัฐบาลบอกในนามบุคคล ตนเองเห็นว่าควรเป็นมติพรรค ไม่อยากเห็นประชาธิปไตยบิดเบี้ยว ในอนาคตประชาชนจะไม่เชื่อถือนักการเมือง
กัณวีร์กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่อาจก้าวล่วงว่าพรรคก้าวไกลจะตัดสินใจอย่างไร แต่หากสูตรจัดตั้งรัฐบาลมี 2 ลุง พรรคเป็นธรรมคงไม่ไปเช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล หากพรรคก้าวไกลตัดสินใจโหวตให้พรรค 2 ลุงก็ปล่อย เป็นฝ่ายค้านคนเดียวก็จะเป็น เพราะตอนนี้ก็โดดเดี่ยวในสภา นั่งอยู่คนเดียว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า พรรค 2 ลุง (พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ) เหมือนแม่ทัพได้ตายไปแล้ว แต่ควรเลี้ยงไพร่พลไว้ เป็นเหมือนการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ กัณวีร์กล่าวว่า อุดมการณ์ยังคงอยู่ กลไกที่ขัดขวางระบอบประชาธิปไตยแบบเต็มใบยังอยู่ รัฐธรรมนูญปี 2560 สร้างกลไก สว. ขึ้นมา ทำให้ประชาธิปไตยไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ หากสองพรรคนี้อาจมีกลไกมากขึ้น เราต้องรออีก 9 เดือนให้ สว. ออกไป ขอเป็นกระบอกเสียงหากรีบเร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่คำนึงถึงอนาคต หากเขาเข้าไปมีอำนาจก็อาจสร้างกลไกกีดขวางระบอบประชาธิปไตยอีก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ประชาชนรอไม่ได้ กัณวีร์กล่าวว่า ขอเป็นกระบอกเสียงจาก สส. การรีบเร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่คำนึงถึงอนาคต เมื่อเข้าไปมีอำนาจ สร้างกลไกต่างๆ ที่ขัดขวางระบอบประชาธิปไตย จะไม่ใช่เพียงแค่ 9-10 เดือน อาจจะถึง 10 ปี หรือ 20 ปี เพราะมันมีกลไกที่ทำให้การเมืองไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ หากเรานำ 2 ลุงกลับมาอีก ยิ่งยากกว่านี้ ในช่วง 8-9 เดือนนี้ จะทำให้เห็นว่าเป็นรัฐบาลจากประชาชน
“รอเถอะครับ ผมเข้าใจดีว่าทางภาคเอกชนและภาคประชาชนลำบาก แต่ลำบากมา 9 ปีแล้ว รออีกนิดหนึ่ง เข้าใจความอึดอัดของพี่น้องประชาชน เราอยากจะเห็นว่าหลังเลือกตั้งได้รวมเสียงไปแล้ว ทำไมยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ตอนนี้เราต้องสร้างระบอบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นจริงๆ สร้างให้เห็นว่าพี่น้องประชาชนมีอำนาจจริงๆ” กัณวีร์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอนาคตทางการเมืองจะย้ายไปอยู่กับพรรคก้าวไกลหรือไม่ กัณวีร์กล่าวว่าเวลาเราอยู่ในตลาด เราอยากสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพให้ประชาชนเป็นคนเลือก พรรคก้าวไกลมีแนวทางของเขา พรรคเป็นธรรมก็มีทางเดินของเรา สินค้าสองตัวนี้ไม่อยากยกหางตนเอง แต่เป็นสินค้าที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นของประชาชน
“ตอนนี้โลโก้ใช้ได้ แพ็กเกจใช้ได้ ให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสิน การจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วไม่ใช่เครื่องตัดสิน การตั้งรัฐบาลโดยเร็วไม่ใช่การตัดสิน เสียงเรียกร้องของประชาชนอยากจะเห็นประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นโดยเป็นรัฐบาลจากประชาชนจริงๆ” กัณวีร์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าให้รอแต่พรรคเพื่อไทยไปไกลแล้ว กัณวีร์เชื่อว่าตอนนี้ยังไม่เสร็จสิ้นและตกผลึกอย่างที่สุด ยังมีเวลา ผู้บริหารเพื่อไทยไปคุยกับก้าวไกล เป็นตัวชี้วัดว่ายังมองเห็นรัฐบาลที่จัดตั้งโดย 8 พรรคร่วมตอนแรกที่มี MOU จะเป็นรัฐบาลของประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ใช่หรือไม่ กัณวีร์กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเชื่อว่าทุกพรรคมีแนวคิดเหมือนกัน แต่การจะแก้ไขอย่างไร ใช้กระบวนการใด หากจะใช้การจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วเพื่อแก้รัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่ ต้องดูว่าอำนาจของประชาชนอยู่ตรงไหนและคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างไร หากไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากประชาชนก็ไม่สามารถคืนอำนาจให้กับประชาชนได้
