×

K WEALTH แนะ ขายทำกำไรทองคำ-น้ำมัน หลังราคาพุ่งแรงจากพิษสงคราม ชี้ควรเหลือติดพอร์ตเพียง 5-10%

11.03.2022
  • LOADING...
K WEALTH

K WEALTH แนะ ทยอยขายทำกำไรทองคำและน้ำมัน หลังปรับตัวขึ้นแรงจากสถานการณ์สงคราม ชี้ควรเหลือติดพอร์ตเพียง 5-10% นำกำไรไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาย่อตัวแต่มีโอกาสฟื้น เตือนเลี่ยงหุ้นยุโรป ส่วนหุ้นสหรัฐฯ ถือต่อได้ แต่ไม่ควรลงทุนเพิ่ม

 

วีระพล บดีรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า และ K WEALTH GURU ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ราคาทองคำและน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เกิดจากนักลงทุนกังวลเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงทั่วโลก ถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนที่มีทองคำและน้ำมันอยู่ในพอร์ตควรทยอยขายบางส่วนเพื่อทำกำไร โดยให้มีสัดส่วนทองคำในพอร์ตประมาณ 5-10% และนำกำไรนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ราคากำลังย่อตัว แต่มีความสามารถฟื้นตัวในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว 

 

สำหรับกลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์ประเภทต่างๆ แนะนำดังนี้

 

  • หุ้นยุโรป ปรับตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงคราม รวมถึงถูกกดดันจากราคาพลังงานและก๊าซที่สูงขึ้น จึงแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน

         

  • หุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Russell 2000 (หุ้นขนาดเล็ก) เทียบกับ S&P 500 (หุ้นขนาดใหญ่) ปรับตัวลง เป็นดัชนีชี้วัดล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน ว่าเศรษฐกิจมีโอกาสหดตัว แนะนำว่าผู้ที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ อยู่ ยังถือต่อได้ แต่ไม่แนะนำให้ลงทุนเพิ่ม 

 

  • หุ้นไทย ประเมินหุ้นไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงราว 3% แต่ยังถือว่าได้รับผลกระทบน้อย คนที่สนใจหุ้นไทย สามารถลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มค้าปลีกได้ สำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ลงทุนในหุ้นโดยตรง มีกองทุนแนะนำคือ K-STAR, K-VALUE, K-SET50 และ K-BANKING

          

  • คริปโตเคอร์เรนซี เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ราคาผันผวนสูง สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในคริปโต แนะนำว่าควรมีไม่เกิน 5% ของพอร์ต และแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีเงินไหลเข้าตลาดคริปโตกว่า 260 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการแทรกแซงสถาบันการเงินของรัสเซียและการบริจาคทุนให้ยูเครน ทำให้มูลค่าตลาดคริปโตเติบโตมหาศาล แต่ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนที่สูงมากเช่นกัน

       

  • NFT เป็นการลงทุนทางเลือกเชิงไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Alternative Investment) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ก็เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง โดยเฉพาะ NFT ที่ผูกกับคริปโตจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพราะมูลค่าของคริปโตอาจผันผวนได้รุนแรง ส่วน NFT ที่ผูกกับเงินบาท เช่น NFT งานศิลปะที่เสนอขายบนแพลตฟอร์ม Coral จะไม่มีความเสี่ยงในเรื่องนี้ ทั้งนี้ มูลค่าของ NFT ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไร ควรศึกษาศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า เช่น ชื่อเสียงของผู้สร้าง ความหายาก ประวัติที่มาของผลงานนั้นๆ เป็นต้น 

          

สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย อาจจะไม่เหมาะกับหุ้นคริปโตหรือ NFT สามารถพักเงินในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำเช่น ตราสารหนี้ อย่างกองทุน K-SFPLUS, K-CBOND ไว้ก่อนได้ เพื่อรอดูสถานการณ์และตัดสินใจลงทุนภายหลัง

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising