×

จุรินทร์ดาบสองต่อก้าวไกล จัดหนักเศรษฐา อยากเห็นบินเหมือนเหยี่ยว ชี้ทำระบบนิติธรรมสองมาตรฐาน เป็นระเบิดเวลาทำลายรัฐบาล

โดย THE STANDARD TEAM
03.04.2024
  • LOADING...
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

วันนี้ (3 เมษายน) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) ในญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายว่า ตนเองเห็นรัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินมา 7 เดือน ซึ่งเกิน 1 ใน 8 ของวาระ 4 ปีแล้ว จึงสมควรแก่เวลาที่จะส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลในสิ่งที่เห็นว่า รัฐบาลกำลังเดินผิดทาง และพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในสิ่งที่รัฐบาลทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน 

 

จุรินทร์กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะมีการเสนอญัตติในวันนี้ รัฐบาลระบุว่า รัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบประมาณปี 2567 สักบาท ซึ่งเป็นการตีหน้าซื่อต่อหน้าแดดชัดๆ แม้งบประมาณปี 2567 ยังไม่ผ่านรัฐสภาหรือไม่ได้มีการบังคับ แต่สำนักงบประมาณได้ให้รัฐบาลใช้ไปแล้ว 1.837 ล้านล้านบาท และรัฐบาลที่อ้างว่างบประมาณยังไม่ผ่าน แต่ใช้เงินไปแล้ว 1.524 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83% ของเงินที่สำนักงบประมาณจัดสรรให้ ใช้ไปแล้ว 44% ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด ซึ่งการที่จะมาบอกว่ายังไม่ได้ใช้งบประมาณสักบาทนั้น เป็นการแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชน 

 

จุรินทร์กล่าวต่อว่า ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลใช้เงินไปแล้วมากมายขนาดนี้ แต่ยังสอบตก เพราะรัฐบาลชุดนี้ใช้การตลาดในการบริหาร เอาแต่สร้างภาพ แต่หลังภาพทุกวงการลงมติเกือบเป็นเอกฉันท์ว่า ยังไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน วันๆ มีแต่อีเวนต์ เช้าอีเวนต์ สายอีเวนต์ เที่ยงอีเวนต์ เย็นอีเวนต์ ดึกๆ ยังอีเวนต์ จนคนไทยแทบสำลักอีเวนต์ และนายกรัฐมนตรียังบินไปต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 14 ประเทศกับ 1 เขตบริหารพิเศษ เป็นนายกรัฐมนตรี 180 วัน ไปอยู่เมืองนอก 52 วัน มีคนตั้งคำถามว่า บินไปทำการตลาดหรือไปทำการตลก 

 

จุรินทร์กล่าวต่อว่า ที่ตนเองพูดว่าบินไปทำการตลกนั้น เพราะก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศ ได้ประกาศลั่นโลกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤต แต่เมื่อเดินทางถึงต่างประเทศ กลับเชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนในประเทศ จึงขอตั้งคำถามว่า แล้วมหาเศรษฐีที่ไหนจะนำเม็ดเงินมูลค่ากว่าแสนล้านบาทมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจกำลังวิกฤต แต่หากนักลงทุนยังมา นั่นหมายความว่า นักลงทุนไม่ได้เชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อมั่นในความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยที่สั่งสมกันมา

 

จุรินทร์กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงบทบาทเป็นเซลส์แมน ตนเองไม่ได้คัดค้าน แต่ขอตั้งคำถามว่า ในฐานะเซลส์แมนประเทศ นายกรัฐมนตรีสามารถปิดการขายได้บ้างแล้วหรือยัง หรือมีแต่สัญญาจะซื้อจะขายกับดอกไม้และสายลม พร้อมกล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากจะแจ้งนายกรัฐมนตรี คนไทยอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด และคนไทยอยากเห็นนายกรัฐมนตรีของเขาบินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวันที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไร นอกจากได้สร้างภาพว่าจะบินแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่หากบินแบบเหยี่ยวนั้น บินทีไรก็ไม่พลาดเป้า ตนเองอยากให้นายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอเล็กๆ นี้ไปประกอบการพิจารณาในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป 

 

จุรินทร์ยังอภิปรายต่อว่า ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สามารถก้าวข้ามคนที่มีบารมีได้ รัฐบาลจะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป โดยคนในรัฐบาลอย่าไปโทษผู้อื่นว่าเหตุใดจึงก้าวไม่พ้นบุคคลนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารคือบุคคลแรกที่ยังก้าวไม่พ้นเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้นั่งรถประจำตำแหน่งไปสโลว์ซบถึงบ้าน พร้อมทั้งยังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ยินดีที่จะเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีเยี่ยมคารวะ และยังระบุอีกว่า หากมีโอกาสจะเข้าไปขอคำปรึกษาอีก

 

นอกจากนี้รัฐบาลยังต้องเผชิญกับปัญหานายกรัฐมนตรีหลายคน แม้จะมีคนในรัฐบาลระบุว่าเป็นเพียงวาทกรรม แต่นี่คือปัญหาใหญ่ทางการเมือง ซึ่งสะท้อนความไม่เชื่อมั่น และเป็นการด้อยค่านายกรัฐมนตรี ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้มีเพียงคนเดียว 

 

“ไม่ได้มีเพียงนายกฯ นิด แต่ยังมีนายกฯ ใหญ่ และนายกฯ เล็ก ที่ผมระบุเช่นนี้ เพราะสิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาทางการเมือง ทำให้เกิดอำนาจซ้อนอำนาจ และทำให้รัฐบาลนี้กลายเป็นรัฐบาลหุ่น แม้นายกฯ จะแสดงอาการไม่พอใจทุกครั้งที่ถูกตั้งคำถามในลักษณะนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีรู้สึกว่าเป็นการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีโดยตรง รวมถึงส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการใช้อำนาจที่ไม่ทราบว่าใครคือผู้มีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาลนี้” จุรินทร์กล่าว

 

อีกประการคือ รัฐบาลชุดนี้มีแต่รัฐมนตรีที่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งมีทั้งรัฐมนตรีที่โลกลืม รัฐมนตรีที่ผิดฝาผิดตัว รัฐมนตรีต่างตอบแทน รัฐมนตรีทำการเฉพาะกิจ และรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง โดยยกตัวอย่าง รัฐมนตรีที่โลกเซ็งคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จ้องแต่จะแยกเขี้ยวให้กับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งรายได้ 4 เดือนแรกของรัฐบาลยังต่ำกว่าเป้า และกองทุนประกันวินาศภัยก็ติดลบกว่า 5 หมื่นล้านบาท จึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรีว่าหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีรอบนี้ช่วยดูแลรัฐมนตรีที่โลกเซ็งด้วย 

 

ขณะเดียวกันยังอภิปรายถึงปัญหาเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตด้วยว่า คนไทยหลายคนเลิกเชื่อเบื่อทวงแล้ว ตนเองเห็นว่ารัฐบาลจะเข้าไปแก้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ให้ขาดดุลเพิ่มขึ้น 1.5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยที่ไม่ได้มีอะไรใหม่ รัฐบาลยังคงกู้เงินเพื่อแจกเงินเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาเป็นการใช้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ซึ่งก็เป็นการกู้เหมือนเดิม 

 

ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทนั้น เรื่องนี้ตนเองไม่ขอตำหนิรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพราะนโยบาย 400 บาทนั้นไม่ใช่นโยบายของพรรคท่าน ซึ่งท่านก็ได้ปฏิบัติไปตามแนวทางไตรภาคี ซึ่งเป็นกฎหมาย แต่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศถึง อย่างไรก็ต้องมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท เพราะได้มีการหาเสียงไว้ แต่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ขณะนี้ได้กลายพันธุ์จากทั่วประเทศเหลือแค่เพียง 10 จังหวัด เปรียบเหมือนฝนที่ตกเป็นหย่อมๆ ฝนไม่ได้ตกทั่วฟ้า แล้วอีก 67 จังหวัดที่เหลือฝนก็ไม่ตกเลยสักเม็ดเดียว ประชาชนจะรู้สึกว่า สุดท้ายแล้วนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เป็นนโยบายไม่ตรงปก 

 

จุรินทร์กล่าวต่อว่า เรื่องสุดท้ายซึ่งสร้างความเสียหายให้กับรัฐบาลมากที่สุด นับเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลมากที่สุดคือ การสร้างความยุติธรรมสองมาตรฐานด้วยการสร้างนักโทษพันธุ์ใหม่ที่แม้แต่เทวดายังต้องยอมให้ใช้ชื่อ ตั้งแต่คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ จนถึงได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา โดยมองว่าเป็นผลงานเดียวของรัฐบาล และมีผลงานที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งเป็นคำตอบว่ารัฐบาลชุดนี้เพื่อใคร

 

จุรินทร์เชื่อว่า คนไทยนั้นเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ต้องตอบแทนกันในส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน หนึ่งคนได้อำนาจ อีกคนได้อภิสิทธิ์ อาจยุติธรรมสำหรับคนสองคน แต่มันไม่ยุติธรรมกับประเทศ และไม่ยุติธรรมต่อหลักนิติธรรมที่เราสั่งสมกันมา 

 

แม้นายกรัฐมนตรีจะระบุว่า ทุกอย่างนั้นดำเนินการไปตามกฎหมาย แต่กลายเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ขอยืนยันว่าไม่ได้มีอคติกับนายกรัฐมนตรีและคณะคนใดคนหนึ่ง ตนเองเป็นเพียงคนไทยคนหนึ่ง มาพูดแทนคนรักความยุติธรรมที่ต้องทนอยู่กับบาปที่รัฐบาลก่อขึ้น โดยขอตั้งคำถามถึงนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น 3 ข้อ 

 

  1. นายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้มีคุกทิพย์โมเดลที่ทำลายหลักนิติธรรมซ้ำสองหรือไม่ 

 

  1. ระเบียบใหม่ที่ว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่มีสิทธิคุมขังนอกเรือนจำของกรมราชทัณฑ์นั้น รวมผู้ที่ถูกดำเนินคดีทุจริต คดีตามมาตรา 157 ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

 

  1. รัฐบาลนี้มีนโยบายที่จะนิรโทษกรรมคดีทุจริตและคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ด้วยหรือไม่ 

 

“เพื่อส่งสัญญาณเตือนไปยังนายกรัฐมนตรีและพวกพ้อง อย่าคิดได้คืบจะเอาศอก เพราะในอดีตเคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว และที่เตือนเพราะเมื่อถึงวันนี้ มีผู้ไปยื่นร้องต่อองค์กรต่างๆ เฉพาะกรณีนักโทษเทวดารวมแล้ว 6-7 เรื่อง สิ่งที่นายกฯ และพวกได้ทำกับหลักนิติธรรมของประเทศไว้ จะเป็นระเบิดเวลาที่ตั้งไว้ รอวันระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกันด้วยเทอญ” จุรินทร์กล่าวทิ้งท้าย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising