วันนี้ (5 เมษายน) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ต่อกรณีที่พรรคพลังประชารัฐประกาศตั้งเป้าในการเลือกตั้งครั้งหน้า 150 เขตว่าจะกระทบกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้นว่า ทุกพรรค ใครได้เป็นไปตามเป้าก็ขอแสดงความยินดีด้วยล่วงหน้า สำหรับประชาธิปัตย์ไม่ได้ตั้งเป้าไว้ว่าต้องเป็นกี่เสียงอย่างไร เพราะเราตั้งหลักตั้งแต่ต้นว่าเราแข่งกับตัวเอง ด้วยการทำหน้าที่ของเราให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด
“ประชาธิปัตย์เชื่อว่า เสียงจากประชาชนที่สำคัญจะมาจากผลงาน มากกว่าการตั้งเป้าจากการเลือกตั้งตรงนั้น การทำหน้าที่ การทำผลงานเพื่อพี่น้องประชาชนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ถ้าพรรคไหนเขาได้เป็นไปตามเป้าเราก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย” จุรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการตั้งเป้าลักษณะนี้จะมีการจับมือกันไว้ล่วงหน้าหรือไม่นั้น จุรินทร์กล่าวว่า ต้องฟังเสียงประชาชนก่อน เพราะคือเสียงสวรรค์ และเป็นคำตอบสำหรับระบบรัฐสภา ที่จะต้องให้ประชาชนเป็นคนแรกที่ให้คำตอบ
ซึ่งในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ร่วมรัฐบาล ทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เราก็ทำหน้าที่ของเราเต็มที่ แล้วก็ปรากฏผลงานที่ชัดเจนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราได้กำหนดไว้เป็นเงื่อนไขก่อนร่วมรัฐบาลก็มีผลงานปรากฏชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประกันรายได้ เรื่องการเดินหน้าพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแต่บางเรื่อง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น จะให้สำเร็จทุกเรื่องก็ยังเป็นไปไม่ได้ เพราะเรามีเสียงแค่ 50 เสียง ถ้าอนาคตเรามีมากกว่านี้ หากเราเสนอได้เองในนามพรรค เราก็จะทำได้มากกว่านี้
ส่วนการลงพื้นที่ ตนก็ทำหน้าที่ลงพื้นที่มาตลอด อย่างเดือนเมษายนก็เตรียม ‘จุรินทร์ ออนทัวร์’ ไว้กว่า 10 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นพิษณุโลก ระยอง ชัยภูมิ นครราชสีมา พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ สงขลา จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อที่จะลงไปพบพี่น้องประชาชนและไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ หรือไปขับเคลื่อนนโยบายที่เราต้องทำหน้าที่ของเรา
สำหรับเรื่องสนามเลือกตั้งกรุงเทพมหานครนั้น จุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ขอให้ความเห็นเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เพราะแม้จะส่งในนามพรรค แต่กฎหมายห้ามหัวหน้าพรรคช่วยหาเสียง เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นอุปสรรคประการหนึ่ง แต่เมื่อยังไม่แก้กฎหมายหรือยังแก้ไม่ได้ ความจริงแล้วประชาธิปัตย์เสนอแก้กฎหมายไปแล้ว แต่ยังไม่เรียบร้อย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนั้นจึงขอไม่ให้ความเห็นเรื่องผู้ว่าฯ กทม. เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องอื่นโดยไม่จำเป็น