×

จุรินทร์ ประกาศนำ ‘ผ่านรัฐธรรมนูญ’ มุ่งแก้ให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แนะยึดส่วนรวมมาก่อน

โดย THE STANDARD TEAM
24.08.2021
  • LOADING...
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

วันนี้ (24 สิงหาคม) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาณ์สื่อถึงการที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่…) พ.ศ. … (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง) ที่มีการทบทวนและปรับออก 4 มาตราว่า 

 

ก็ต้องเป็นไปตาม กมธ. เพราะเมื่อเรารับหลักการแล้ว และเรามอบให้ กมธ. ซึ่งมาจากทุกภาคส่วนครบถ้วนแล้วไปพิจารณา เมื่อ กมธ. เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร โดยที่ไม่ได้ขัดกับหลักการที่รับไป ก็สนับสนุนได้ ประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน และไม่เฉพาะที่จะสนับสนุนความเห็นในชั้น กมธ. แต่ก็พร้อมที่จะลงมติให้ผ่านในวาระที่ 3 ด้วย เพราะต้องถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นจุดยืนสำคัญจุดยืนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ประกาศมาตั้งแต่ต้นว่าเราอยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และร่างที่ผ่านมาแม้จะเป็นร่างเดียวของพรรคที่ผ่านก็ตาม แต่เนื้อหาก็นำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น นั่นคืออย่างน้อยก็ให้สิทธิเสรีภาพประชาชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ผู้แทนราษฎรไปเลือกรัฐบาล หรือไปตั้งรัฐบาลมาบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์ประชาชนอีกชั้นหนึ่ง 

 

ซึ่งแต่เดิมใช้ระบบบัตรใบเดียวเท่ากับจำกัดเสรีภาพในการที่จะแยกเลือกคนกับพรรคออกจากกัน เพราะต้องไปเลือกรวมกัน ก็ให้แยกเป็นบัตรสองใบ ใบหนึ่งเลือกคน ใบหนึ่งเลือกพรรค ก็เท่ากับเปิดเสรีภาพให้ประชาชนมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าถามในแง่ความเป็นประชาธิปไตย ก็ถือว่าเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์ก็สนับสนุนที่จะให้ผ่านวาระที่สามด้วย 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมองว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นร่างที่ไม่สมบูรณ์และขัดกับหลักการ อาจนำไปสู่การไม่สามารถทำให้เกิดการแก้ไขได้นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สุดแล้วแต่จะมอง แต่สำหรับตนก็มั่นใจว่าเป็นไปตามหลักการ ถูกต้องทั้งรัฐธรรมนูญและข้อบังคับทุกประการ สามารถดำเนินการได้ และความเห็นของฝ่ายกฎหมายรัฐสภา ความเห็นกฤษฎีกาเท่าที่เคยตรวจสอบก็สอดคล้องกันว่าสามารถดำเนินการได้

 

“ผมคิดว่าการแก้รัฐธรรมนูญ หลักใหญ่คืออยากให้ทุกฝ่ายได้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนพรรค หรือมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ถ้าเราถือหลักนี้ เราก็จะหาคำตอบได้ว่าสุดท้ายควรจะเป็นอย่างไร ประชาธิปัตย์ก็ยืนยันว่าเราแก้เพื่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นว่าอันนี้ส่วนรวมได้ประโยชน์ เราก็ตัดสินใจเสนอร่างตั้งแต่ต้น แล้วก็ผ่านความเห็นชอบ มาถึงวาระ 2 วาระ 3 ก็พร้อมสนับสนุน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

 

ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการแก้เพื่อ 3 พรรคการเมืองใหญ่มากกว่านั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เราต้องดูภาพรวม ถ้าไปมองเฉพาะพรรค ว่าพรรค 1 2 3 4 5 ถ้าอย่างนั้นก็ยากที่จะหาจุดในการที่จะพิจารณาตัดสินใจได้ แต่ถ้าถือประโยชน์ส่วนรวม จุดของความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ก็คิดว่าตัดสินใจได้ไม่ยาก เพราะมีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว และประชาธิปัตย์ก็ถือหลักนี้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากการแก้รัฐธรรมนูญไม่สามารถไปต่อได้ จะมีการทบทวนการร่วมรัฐบาลหรือไม่ อย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นอีกกรณีหนึ่ง แต่กรณีของจุดยืนที่ต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญนั้น เรื่องนี้ประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยน และต้องการที่จะเห็นรัฐธรรมนูญแก้ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราได้พยายามมาตามลำดับ ตั้งแต่ต้องการให้แก้ โดยมีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ขึ้นมาดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ โดยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าสุดท้ายทำได้หรือไม่ได้ ทำไปถ้าไม่ทำประชามติก่อน ก็อาจจะเป็นปัญหา ก็นำไปสู่การเสนอแก้รายประเด็น ซึ่งพรรคก็เสนอมาหลายร่าง แต่สุดท้ายก็ผ่านร่างเดียว ซึ่งร่างเดียวนี้ก็พยายามสนับสนุนเต็มที่ อย่างน้อยถ้าร่างนี้ผ่านก็ถือเป็นการนับหนึ่งที่จะพาประเทศเดินไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นในอนาคต เป็นการนำร่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่จะนำไปสู่อนาคตต่อไปอีก ซึ่งต้องแก้อีกหลายประเด็น เพราะยังมีประเด็นที่ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ว่า สุดท้ายหลักการประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นมันจะต้องเป็นอย่างไร

 

สำหรับการที่พรรคภูมิใจไทยออกมาย้ำจุดยืนว่าจะไม่ร่วมอภิปรายในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่พรรคภูมิใจไทย ตนคงไม่ไปกะเกณฑ์พรรคการเมืองอื่น จุดยืนของเขาเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่ประชาธิปัตย์เรายืนชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น อันนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยน 

 

ส่วนการที่ ส.ว. ส่วนหนึ่งออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย และอาจทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภานั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การที่รัฐธรรมนูญจะผ่านได้นั้น เสียงส่วนใหญ่จะต้องเห็นพ้องกันคือ

 

  1. พรรคร่วมรัฐบาล 2. ฝ่ายค้าน ที่จะต้องมีไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และ 3. วุฒิสมาชิก ที่จะต้องมีไม่น้อยกว่า 1 ใน 3

 

แต่ถ้าเกิดรัฐธรรมนูญไม่ผ่านด้วยเหตุผลกลไกใดกลไกหนึ่งไม่สนับสนุน หรือสนับสนุนแต่เสียงไม่พอ เรื่องนี้แต่ละกลไกก็ต้องอธิบาย ลำพังพรรคประชาธิปัตย์ก็คงจะไม่สามารถที่จะไปดำเนินการให้มันได้ครบถ้วนทั้งหมด เพราะเราก็มีข้อจำกัด ซึ่งข้อจำกัดของพรรคประชาธิปัตย์คือ เรามีแค่ 50 เสียง เพราะฉะนั้นเราก็ใช้ 50 เสียงเท่าที่มีอยู่จำกัดนี้ทำหน้าที่ของเราสุดความสามารถแล้ว และสามารถที่จะบอกกับประชาชนได้ว่าเราทำอะไรบ้าง แล้วเราทำสุดความสามารถแล้วอย่างไร และยืนหยัดจนนาทีสุดท้ายอย่างไร

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising