“อยากเอาของดีที่บ้านที่เชียงคานอย่างจุ่มมาเล่าให้คนได้ลอง จุ่มเนี่ยแม้แต่เชียงคานก็มีร้านเดียวนะ เพราะชาวบ้านเขาทำกินเองกันที่บ้านหมดเลย”
คำว่า ‘จุ่ม’ ของชาวเชียงคานนั้นไม่ได้หมายถึงจิ้มจุ่มหม้อดินแต่อย่างใด แต่หมายถึงก๋วยเตี๋ยวโบราณที่ทุกบ้านทำกินกันเองที่บ้าน แต่ละบ้านก็จะมีสูตรที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของจุ่มคือซอสเต้าหู้ยี้สีชมพูที่ใช้หมักหมูและราดลงบนก๋วยเตี๋ยวก่อนที่จะกินนั่นเอง ซอสสีชมพูนี้แม้จะหน้าตาคล้ายกับน้ำจิ้มสุกี้หรือซอสเย็นตาโฟ แต่เป็นคนละอย่างกัน ซอสจุ่มจะประกอบไปด้วยเต้าหู้ยี้ กระเทียมดอง พริก และถั่วลิสงป่น ด้วยความที่ซอสจุ่มนั้นปรุงมาประมาณหนึ่งแล้ว เมื่อก๋วยเตี๋ยวพร้อมเสิร์ฟ แค่บีบมะนาวก็สามารถกินได้เลยโดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม
บรรยากาศร้าน
จุ่ม เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวของสองหนุ่มลูกหลานชาวเชียงคาน คุง-อรรณพ ศิริกิตติกุล และ แซ็ค-เฉลิมพล สุกชะดา ที่ร่วมมือกันเปิดร้านนี้ขึ้นมาใจกลางย่านอารีย์เพื่อเล่าวัฒนธรรมและเรื่องราวของคนเชียงคานผ่านอาหารพื้นบ้านอย่างจุ่ม ข้าวจี่ แจ่วบอง แจ่วส้ม และมะพร้าวแก้ว
บรรยากาศร้าน
จุ่มหมูหมักโบราณ (79 บาท) และ ไข่ออนเซน (20 บาท)
เมนูที่เราอยากบังคับให้ลองเมื่อมาร้านจุ่มคือก๋วยเตี๋ยวจุ่มที่สามารถเลือกผสมเส้นและเครื่องได้อย่างที่ใจชอบ เมนูซิกเนเจอร์จะเป็น จุ่มหมูหมักโบราณ (79 บาท) เราได้มาเป็นเส้นหมี่ ในชามประกอบไปด้วยเส้นหมี่ กะหล่ำ ถั่วงอก เกี๊ยวกรอบ กากหมู และไฮไลต์คือหมูหมักสีชมพูที่เกิดจากการนำหมักในซอสเต้าหู้ยี้และไข่ วิธีกินคือราดซอสจุ่มลงไปและบีบมะนาวตาม แต่ทางร้านก็เพิ่มความสนุกด้วยการเพิ่มเครื่องหลายชนิดให้สั่งมาเพิ่มดูอย่าง ไข่ออนเซน (20 บาท) ที่เพิ่มความเข้มข้นและรสชาตินัวให้กับจุ่มได้เป็นอย่างดี
จุ่มหมูข้าวต้มแห้ง (99 บาท)
จุ่มหมูข้าวต้มแห้ง (99 บาท)
เมื่อขนอาหารจากเชียงคานมาทำถึงที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ ก็ต้องมีการทวิสต์ให้สนุกขึ้นเสียหน่อยด้วยเมนู จุ่มหมูข้าวต้มแห้ง (99 บาท) ที่เกิดจากเอาเมนูจุ่มหมูหมักมาลองกินแบบเอาเส้นและน้ำออก แต่ใส่ข้าวลงไปแทน ด้วยความที่ซอสจุ่มนั้นคล้ายกับซอสเต้าเจี้ยวในข้าวต้มปลา ทำให้จุ่มสามารถกลายเป็นข้าวต้มแห้งได้เหมือนกัน จุ่มหมูข้าวต้มแห้งจะเสิร์ฟเป็นหมูสามอย่างคือ หมูหมัก หมูตุ๋น หมูสามชั้นสไลซ์ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เราอยากบังคับให้ลองนอกจากเมนูจุ่มหมูหมัก
เกี๊ยวกรอบยำนัว (79 บาท) และ ข้าวจี่ทอด (79 บาท)
นอกจากจุ่มก็มีเมนูอาหารที่บ้านของคุงและแซ็คทำกินกันเองอย่าง เกี๊ยวกรอบยำนัว (79 บาท) ที่ทำให้ของกินเล่นอย่างเกี๊ยวกรอบสนุกขึ้นกว่าเดิมด้วยการทำน้ำต้มยำพริกเผาแห้งกับหมูสับรวนมาใส่เพิ่มรสชาติ และมันก็เข้ากันได้ดีทีเดียว
ข้าวจี่ทอด (79 บาท)
อีกหนึ่งเมนูที่ถ้าพูดถึงภาคอีสานแล้วไม่มีไม่ได้เลยก็คือ ข้าวจี่ทอด (79 บาท) ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับข้าวจี่ที่เป็นข้าวเหนียวชุบไข่แล้วย่างด้วยไฟ แต่ข้าวจี่ของร้านจุ่มนั้นเป็นข้าวจี่ในแบบ ‘ด่วน’ ที่คุงเล่าให้ฟังว่าตอนที่อยู่เชียงคานสมัยเด็ก ถ้ามีการทำข้าวจี่กินกันจะย่างไม่ทันทุกทีไป เทคนิคที่ชาวเชียงคานใช้กันก็คือการนำข้าวเหนียวมาปั้นแล้วตอกไข่คลุกเคล้าจนเข้ากันแล้วนำไปทอดเลย ข้อดีของการทอดคือจะทำให้ไข่เข้าเนื้อข้าวเหนียวมากกว่าด้วย ข้าวจี่ทอดเสิร์ฟคู่กับแจ่วบองที่ทางร้านต้องสั่งทำจากเชียงคานแล้วส่งมา เพราะกรรมวิธีการทำแจ่วบองนั้นไม่ง่ายเลย ต้องใช้เวลาสามวันกว่าจะคั่วพริก รอให้แห้ง คั่วข่า เคี่ยวจนงวด ถึงได้มาเป็นแจ่วบองสักถ้วยหนึ่ง
ข้าวคลุกแจ่วบอง+หมูสามชั้นทอด (139 บาท)
แจ่วบองถูกนำมาใช้เป็นทั้งเครื่องจิ้มและเครื่องปรุงผัดกับข้าว ถ้าอยากลองแบบผัดกับข้าวก็ต้องสั่ง ข้าวคลุกแจ่วบอง+หมูสามชั้นทอด (139 บาท) ที่หยิบเอาแจ่วบองมาเล่าในเมนูเข้าใจง่าย เป็นข้าวผัดกับแจ่วบองจนหอม เสิร์ฟคู่กับหมูสามชั้นทอดและผักดองของเวียดนามที่ทางร้านทำเอง ประกอบไปด้วย แครอต กะหล่ำปลี และหัวไชเท้า
โอเลี้ยงลาว น้ำอ้อยมะพร้าว (69 บาท) ชาเย็น น้ำอ้อยมะพร้าว (69 บาท) และ ส้มซ่ามะนาวดอง (69 บาท)
ของดีเมืองเชียงคานก็ไม่ได้มีแค่จุ่มเพียงอย่างเดียว อีกหนึ่งของดีประจำเมืองเชียงคานอีกอย่างคือ ‘มะพร้าวแก้ว’ มีขายทั่วไปที่แก่งคุดคู้ มะพร้าวแก้วนั้นคือการกวนมะพร้าวด้วยน้ำตาล และสิ่งที่เหลือจากการทำมะพร้าวแก้วคือน้ำตาลที่ใช้เคี่ยวกับมะพร้าว ชาวบ้านก็ไม่ทิ้งให้เสียเปล่า นำเอาน้ำตาลเหล่านั้นมาตากแห้งเป็นแผ่นเอาไว้สำหรับทำอาหาร และทำขนมคล้ายกับน้ำตาลปึก ทางร้านจึงหยิบเอาน้ำตาลนี้มาทำเป็นเมนู โอเลี้ยงลาว น้ำอ้อยมะพร้าว (69 บาท) ที่นำเข้าผงกาแฟมาจากลาว และ ชาเย็น น้ำอ้อยมะพร้าว (69 บาท) ทั้งสองเมนูถูกเสิร์ฟมาอย่างน่ารักพร้อมกับมะพร้าวแก้วที่ท็อปอยู่ด้านบน และอบเชยที่ปักลงไปเพิ่มกลิ่นหอม
นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูเครื่องดื่มสดชื่นอย่าง ส้มซ่ามะนาวดอง (69 บาท) ที่ใช้ส้มซ่าจากสวนเกษตรเมืองนนทบุรี ส้มซ่าจะมีความเปรี้ยวแล้วขมเล็กน้อย ทางร้านเอาส้มซ่ามาดองกับน้ำผึ้งและมะนาวจนกลายเป็นน้ำเชื่อมส้มซ่ามะนาวดอง เมื่อใส่โซดาลงไปก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่สดชื่นเข้ากันได้ดีกับเมนูก๋วยเตี๋ยวจุ่มร้อนๆ
จุ่มเป็นเมนูที่เหมาะกับทุกมื้อ ไม่ว่าจะเช้า กลางวัน หรือเย็น ลองแวะมาที่ร้านจุ่มและเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวเชียงคานผ่านก๋วยเตี๋ยวสีชมพูชามนี้ดู แล้วคุณจะรู้ว่าอาหารสามารถเล่าเรื่องราวอะไรได้มากมาย
จุ่ม
Open: ทุกวัน 11.00-21.30 น.
Address: ซอยพหลโยธิน 7 กรุงเทพฯ
Budget: 100-200 บาท
Contact: 09 0976 0805
Website: https://www.facebook.com/JoomNoodles/
Map: