Jollibee Foods เชนฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ฟิลิปปินส์ ประกาศขยายธุรกิจ ตั้งเป้าโกยยอดขายในอเมริกาและจีนเพิ่มขึ้น 2 เท่าให้ได้ใน 5 ปี
Nikkei Asia รายงานว่า Ernesto Tanmantiong ประธานบริษัท Jollibee Foods Corporation (JFC) กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มอาหารจานด่วนของฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงเรื่อง Chickenjoy และ Jolly Spaghetti
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Yoshinoya ประกาศร่วมทุน Jollibee เปิดร้านข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่น 50 สาขาในฟิลิปปินส์
- ฉีกกฎร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เมื่อ McDonald’s เตรียมขายโดนัท Krispy Kreme ประเดิม 9 สาขาในอเมริกา
- ร้านโอมากาเสะทั่วโลกขาดแคลน ‘เชฟซูชิชาวญี่ปุ่น’ แย่งตัวกันอุตลุด ยิ่งได้ภาษาจะถูกเสนอค่าจ้างสูงถึง 2.2 ล้านบาทต่อปี
จึงวางแผนการดำเนินงานหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ต้องการขยายและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยมุ่งโฟกัสตลาดอเมริกาและจีนที่มีโอกาสการเติบโตสูง
ในช่วงหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ซีอีโอบอกว่า บริษัทได้วางแผนขยายร้านอาหารในเครือให้ได้ 10,000 สาขาภายในปี 2027 โดยตัวเลขสิ้นเดือนมิถุนายนมีเพียง 6,300 สาขา ทั้งนี้แผนดังกล่าวจะไม่รวมอยู่กับการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต
หากย้อนกลับไปในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ Jollibee ได้เข้าครอบครองเครือข่ายต่างประเทศ เช่น Smashburger และ The Coffee Bean & Tea Leaf ในอเมริกา รวมถึงแบรนด์ชานมไข่มุก Milksha ในไต้หวัน
ที่สำคัญ บริษัทมีความทะเยอทะยานต้องการก้าวขึ้นไปเป็นบริษัทระดับโลก และในแง่ของยอดขายระหว่างประเทศควรคิดเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้ Jollibee ในปี 2027 โดยปัจจุบันภาพรวมรายได้ 60% มาจากฟิลิปปินส์ ซึ่ง Jollibee มีสาขามากกว่า 3,000 แห่ง
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2022 ร้านอาหารสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของเองและสาขาแฟรนไชส์ มีการเติบโต 35.4% หรือคิดเป็น 2.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 351.7% และคาดการณ์ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า รายได้จะเติบโตขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก และนั่นหมายถึงธุรกิจจะเติบโตขึ้นเพิ่มเป็น 2 เท่าเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ การคาดการณ์รายได้ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ Jollibee สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรในช่วงที่บริษัทฟื้นตัวจากการระบาดของโควิดได้
อย่างไรก็ตาม Jollibee ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1970 มีแบรนด์ร้านอาหารในเครือทั้งหมด 18 แบรนด์ รวมถึงแฟรนไชส์ Burger King ในฟิลิปปินส์ ซึ่งบริษัทยังได้ร่วมทุนกับ Yoshinoya ของญี่ปุ่น และ Panda Express ของอเมริกา และต้องการรักษาเป้าหมายที่จะเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทฟาสต์ฟู้ดที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก โดยเข้าร่วมกับ McDonald’s และ Starbucks
เรียกว่าเปิดให้บริการมากกว่า 30 ประเทศ และเป็นหนึ่งใน 10 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดที่ใหญ่ที่สุด ในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด แม้ตอนนี้จะลดลงมาอยู่อันดับที่ 18 เนื่องจากโควิดทำให้มีการล็อกดาวน์ระยะยาว
อ้างอิง: