×

ไบเดนพูดอะไรใน State of the Union 2024

08.03.2024
  • LOADING...

วันที่ 7 มีนาคม 2024 ตามเวลาสหรัฐอเมริกา หรือตรงกับช่วงเช้าวันที่ 8 มีนาคม ตามเวลาไทย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ขึ้นแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส หรือ State of the Union เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งถือเป็นครั้งสุดท้ายของไบเดนที่จะได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ต่อสภาในฐานะผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก

 

เหนือสิ่งอื่นใด การแถลงครั้งนี้ยังถือว่าเป็นโมเมนต์ที่มีความสำคัญต่อตัวไบเดนเองเป็นอย่างมาก ก่อนที่ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 จะเปิดฉากขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งก็ชัดเจนมากขึ้นแล้วว่าจะเป็นการรีแมตช์กันของไบเดนและอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกครั้งหนึ่ง ในตอนนี้คะแนนนิยมของไบเดนอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดีนัก ฉะนั้นนี่จึงเป็นโอกาสทองในการเรียกคะแนนความนิยมจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ หลายล้านคนที่เฝ้าจับตาดูการแถลงครั้งนี้แบบเรียลไทม์

 

ไบเดนพูดอะไรกับชาวอเมริกัน และส่งสารใดให้ประชาคมโลกได้รับรู้บ้าง ตลอดระยะเวลาการแถลงนาน 1 ชั่วโมง 7 นาที THE STANDARD สรุปสาระสำคัญมาไว้ที่นี่

 

  • State of the Union คืออะไร

 

ก่อนที่จะเข้าสาระสำคัญของการแถลงในวันนี้ มาปูพื้นความรู้กันก่อนว่า State of the Union คืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นวาระแห่งปีที่หลายฝ่ายต้องจับตา 

 

State of the Union คือการแถลงนโยบายประจำปี และการรายงานผลงานในรอบปีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรส ณ อาคารรัฐสภา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการแถลงมักจัดขึ้นในวันอังคารตามเวลาสหรัฐฯ และได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากชาวอเมริกันทั่วประเทศ เนื่องจากพวกเขาต้องการฟังผลงานและการจัดลำดับความสำคัญในด้านนโยบายของประธานาธิบดีในปีนั้นๆ 

 

หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่อไบเดนอยู่ในตำแหน่งมา 4 ปี แต่เหตุใดการแถลงครั้งนี้กลับเป็นครั้งที่ 3 นั่นก็เพราะ State of the Union จะไม่นับรวมการแถลงต่อสภาคองเกรสในปีแรกหลังสาบานตนรับตำแหน่งนั่นเอง โดยเมื่อปี 2022 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไบเดนได้แถลงในฐานะประธานาธิบดี มีประชาชนที่รับชมการแถลงนี้ผ่านทางโทรทัศน์มากถึง 38.2 ล้านคนทั่วประเทศ

 

Fun Fact: ประธานาธิบดีที่ใช้เวลาแถลง State of the Union นานที่สุดเป็นอันดับ 1 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ คือ บิล คลินตัน เมื่อปี 2000 ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 28 นาที 49 วินาที ขณะที่ผู้ที่ใช้เวลาแถลงสั้นที่สุดคือประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เมื่อปี 1972 รวมเวลาทั้งสิ้น 28 นาที 55 วินาที

 

  • สงครามรัสเซีย-ยูเครน

 

ไบเดนได้เอ่ยชื่อของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงต้นการแถลง โดยระบุว่า เสรีภาพและประชาธิปไตยกำลังเผชิญกับภัยคุกคาม และสถานการณ์นี้ก็กำลังเกิดขึ้นทั้งในสหรัฐฯ เองไปจนถึงระดับโลก

 

“สำหรับสถานการณ์ในต่างประเทศนั้น ปูตินแห่งรัสเซียกำลังเดินหน้ารุกรานยูเครน และสร้างความวุ่นวายไปทั่วยุโรปรวมถึงพื้นที่อื่นๆ หากใครในห้องนี้คิดว่าปูตินจะหยุดแค่ที่ยูเครน ผมรับประกันได้เลยว่าเขาจะไม่หยุดแค่นี้”

 

“สารที่ผมต้องการส่งถึงประธานาธิบดีปูตินนั้นเรียบง่าย เราจะไม่ถอย เราจะไม่ยอมก้มหัวให้ และผมจะไม่ยอมก้มหัวให้”

 

นอกจากนี้ ไบเดนย้ำด้วยว่า “ไม่มีทหารอเมริกันที่ทำสงครามยูเครน และผมยืนยันที่จะให้เป็นเช่นนี้ต่อไป” 

 

  • เวทีวิจารณ์ทรัมป์

 

ไบเดนไม่พลาดที่จะใช้โอกาสนี้ในการวิพากษ์วิจารณ์คู่แข่งคนสำคัญอย่างทรัมป์ โดยถึงแม้ไบเดนจะไม่ได้พูดชื่อทรัมป์ตรงๆ แต่เขาเลือกใช้คำว่า My Predecessor หรือประธานาธิบดีคนก่อน และมีการกล่าวย้ำคำนี้ถึง 13 ครั้งตลอดการแถลง 

 

ไบเดนเริ่มกล่าวโจมตีทรัมป์ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของ State of the Union โดยมุ่งเป้าไปยังกรณีที่ทรัมป์บอกว่า เชิญปูติน ‘ทำอะไรก็ได้’ กับประเทศสมาชิก NATO ที่ไม่ยอมลงทุนด้านกลาโหมตามงบประมาณที่ตั้งไว้

 

“อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันบอกปูตินว่า “ทำทุกอย่างได้ตามต้องการ” ผมคิดว่ามันรุนแรงเกินไป มันอันตราย และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”

 

นอกจากนี้ ไบเดนยังกล่าวด้วยว่า ทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับลิกันพยายามที่จะเขียนประวัติศาสตร์ของวันที่ 6 มกราคม 2021 ขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นวันที่บรรดาผู้สนับสนุนของทรัมป์ก่อเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ

 

“อดีตประธานาธิบดีและบางคนในห้องนี้พยายามที่จะปกปิดความจริงเกี่ยวกับวันที่ 6 มกราคม ผมจะไม่ทำแบบนั้น” ไบเดนกล่าว “คุณจะรักประเทศเฉพาะเวลาที่คุณเป็นฝ่ายชนะไม่ได้”

 

ขณะเดียวกัน ไบเดนยังใช้เวทีโจมตีทรัมป์หลายประเด็น ทั้งเรื่องสิทธิการทำแท้งของสตรี ผู้อพยพ ภาษี และอื่นๆ เพื่อเน้นย้ำว่าจุดยืนของเขานั้นแตกต่างจากทรัมป์อย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางเสียงเชียร์จากฝั่งเดโมแครตที่ดังขึ้นเป็นระยะ

 

  • สงครามอิสราเอล-ฮามาส

 

ไบเดนมองว่า อิสราเอลมีสิทธิ์ที่จะสู้รบกับกลุ่มฮามาส แต่เน้นย้ำว่าทางออกเดียวของสงครามนี้คือต้องยึดมั่นในทางแก้ 2 รัฐ (Two-state Solution) 

 

นอกจากนี้ ไบเดนให้คำมั่นว่าจะนำตัวประกันชาวอเมริกันกลับมาให้ได้ และสหรัฐฯ จะเร่งให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประชาชนที่อยู่ในฉนวนกาซา

 

ไบเดนประกาศว่า กองทัพสหรัฐฯ จะสร้างท่าเรือชั่วคราวที่ชายฝั่งของฉนวนกาซา เพื่อเพิ่มการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซาทางทะเล ท่ามกลางความพยายามบรรเทาภาวะความอดอยากและขาดแคลนอาหารของประชาชนในกาซาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสล่วงเลยสู่เดือนที่ 5 

 

  • สิทธิเจริญพันธุ์สตรี

 

ไบเดนเน้นย้ำว่า เขาสนับสนุนสิทธิด้านการทำแท้งของสตรี พร้อมให้คำมั่นว่าจะผลักดันกฎหมายด้านนี้ต่อไป หากชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงให้สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคเดโมแครตมากพอที่จะทำเช่นนั้น

 

นอกจากนี้ เขายังออกตัวสนับสนุนสิทธิที่ให้คู่รักชาวอเมริกันสามารถใช้บริการการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF) หรือการทำเด็กหลอดแก้วได้ หลังก่อนหน้านี้ ศาลสูงสุดในรัฐแอละแบมาของสหรัฐฯ มีคำสั่งตัดสินให้ ‘ตัวอ่อนแช่แข็ง’ นับว่าเป็นเด็ก มีสิทธิทางกฎหมาย ทำให้โรงพยาบาลในรัฐดังกล่าวระงับการให้บริการทำเด็กหลอดแก้ว เพราะเกรงว่าจะทำผิดทางอาญา

 

  • เศรษฐกิจ

 

ไบเดนยังคงสนับสนุนแนวทางที่จะให้เก็บภาษีจากบรรดามหาเศรษฐีต่อไปเฉกเช่นเดียวกับการแถลงเมื่อปีที่ผ่านมา โดยในการแถลงเมื่อช่วงเช้านี้ เขาได้เปิดเผยข้อเสนอต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีขั้นต่ำในอัตราที่สูงขึ้นสำหรับบริษัทและชาวอเมริกันที่มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ที่ 25%

 

อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายการปฏิรูปภาษีต่างๆ ไม่น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสได้ เว้นแต่ว่าพรรคเดโมแครตจะชนะเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาในการลงคะแนนเสียงที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน

 

นอกเหนือจากเรื่องภาษีคนรวยแล้ว ไบเดนยังเสนอมาตรการใหม่เพื่อลดต้นทุนที่อยู่อาศัย ซึ่งรวมถึงเครดิตภาษี 10,000 ดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก พร้อมกล่าวด้วยว่า เขารับรู้ถึงความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจำนองที่สูง และแน่นอนว่าเขากล่าวย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความก้าวหน้าขึ้นในยุคการบริหารของตนเอง ซึ่งหากว่ากันตามข้อเท็จจริงแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถือว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าประเทศที่มีรายได้สูงส่วนใหญ่ โดยการจ้างงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคเติบโตต่อเนื่อง 

 

  • อายุ

 

สำหรับประเด็นอายุของไบเดนในวัย 81 ปี ซึ่งถูกโจมตีอย่างหนักว่าเขาอาจจะ ‘แก่เกินไป’ ในการเป็นผู้นำประเทศต่ออีกสมัยหนึ่ง ไบเดนได้กล่าวเรื่องนี้ไว้ในถ้อยแถลงด้วยว่า เขายังคงมั่นใจในความสามารถที่จะเป็นผู้นำต่อไป 

 

“ผมค่อนข้างมองบวกในเรื่องนี้…สหายชาวอเมริกัน ปัญหาที่ประเทศของเราเผชิญอยู่ไม่ใช่ว่าเราอายุเท่าไร แต่อยู่ที่ว่าแนวคิดของเราอายุเท่าไร” ไบเดนกล่าว แถมยังย้ำด้วยว่า “เมื่อคุณอายุเท่าผม คุณจะเห็นบางสิ่งชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม”

 

Fun Fact: ปัจจุบันไบเดนถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นำหน้าประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ซึ่งมีอายุ 77 ปี หลังสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศสมัยที่ 2 และหากไบเดนสามารถคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ได้อีกสมัย ไบเดนจะมีอายุ 86 ปี หลังสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศสมัยที่ 2 

 

ภาพ: SHAWN THEW / Pool via REUTERS

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising