×

จิราพร ชี้ 3 ความผิด พล.อ. ประยุทธ์ บอกเสียสละลาออกคนเดียว ประเทศเดินหน้าต่อได้ทันที

โดย THE STANDARD TEAM
27.10.2020
  • LOADING...

วันนี้ (27 ตุลาคม) จิราพร สินธุไพร ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาว่า ได้เคยอภิปรายในสภาแห่งนี้หลายครั้งแล้วว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คือคู่กรณีของผู้ชุมนุมโดยตรง พล.อ. ประยุทธ์ควรรับฟังปัญหากับผู้ชุมนุมด้วยตัวเอง แต่ที่ผ่านมากลับมีเพียงการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา และมอบหมายให้หน่วยงานราชการรับฟังปัญหาจากผู้ชุมนุมแทน พล.อ. ประยุทธ์ก็ไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ว่าจะรับฟังข้อเรียกร้องของนักเรียน นิสิต นักศึกษาเลย จนสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะตึงเครียด จึงได้เสนอให้มีการเปิดการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ โดยอ้างว่าเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ญัตติที่ พล.อ. ประยุทธ์เสนอต่อรัฐสภาแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยถ้อยคำที่กล่าวหาผู้ชุมนุม ไม่ได้พูดถึงสาเหตุที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ออกมาชุมนุมเรียกร้องเลย และไม่มีแม้แต่คำเดียวที่นำเอาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมมาพิจารณา ญัตติของรัฐบาลนี้จึงไม่ได้แสดงถึงความจริงใจในการหาทางออกให้กับประเทศ

 

จิราพรกล่าวอีกว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่รัฐสภาแห่งนี้จะแก้ปัญหาได้โดยไม่พูดถึงสาเหตุของปัญหา และนำข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมมาพิจารณา แต่เมื่อวานนี้ยังมีการเสนอตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อแสวงหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งตนเองขอยืนยันว่าขณะนี้บ้านเมืองเราอยู่ในภาวะวิกฤต การตั้งคณะกรรมาธิการหรือกรรมการใดๆ ก็ตามไม่ใช่ทางออก แต่เป็นเพียงการยื้อเวลาเท่านั้น เพราะคู่กรณีหลักของผู้ชุมนุมคือ พล.อ. ประยุทธ์ ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ. ประยุทธ์ต้องเลิกหลบอยู่หลังคนอื่น และต้องออกมายืดอกแสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเอง

 

“วันนี้ที่ผู้ชุมนุมออกมาเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ลาออก เพราะเขาเห็นแล้วว่าท่านคือศูนย์กลางของปัญหาประเทศในขณะนี้ ถ้าท่านยังคงสงสัยว่าท่านผิดอะไร ทำไมต้องลาออก ต้องบอกว่า ‘ท่านผิดตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองผิด’ และถ้าฟังการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาตลอด 2 วันมานี้แล้วท่านยังไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร จะขอย้ำให้ท่านฟังอีกดังนี้” จิราพรกล่าว

 

ความผิดที่ 1 คือ ‘พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ใช่นักบริหาร แต่เป็นนักรัฐประหาร’ การรัฐประหารที่นำโดย พล.อ. ประยุทธ์ในปี 2557 ถือเป็นสารตั้งต้นของวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และนำความหายนะมากมายมาสู่ประเทศ สร้างรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ให้กับประเทศ และรอยร้าวนั้นถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นด้วยการร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกครหาว่า จงใจวางกลไกให้ พล.อ. ประยุทธ์และเครือข่ายสืบทอดอำนาจ พล.อ. ประยุทธ์ที่เคยบอกว่าจะเข้ามาคืนความสุข กลับสร้างแต่ความทุกข์ให้กับประชาชน ตลอดเกือบ 7 ปีที่อยู่ในอำนาจ บริหารประเทศจนทำให้เศรษฐกิจพังพินาศ

 

ตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557 เศรษฐกิจไทยโตมากสุดแค่ 3% ล่าสุดรัฐบาลได้ข้ออ้างว่าที่เศรษฐกิจไทยไม่สู้ดีเพราะวิกฤตโควิด-19 แต่ในความเป็นจริงคือ ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เศรษฐกิจไทยก็โตต่ำที่สุดในอาเซียนแล้ว ยิ่งเศรษฐกิจปีนี้มีแนวโน้มติดลบถึง 10% โอกาสจ้างงานแทบจะไม่มีเลย มีการคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้หนี้ครัวเรือนของไทยอาจพุ่งสูงถึง 90% นั่นหมายความว่ารายได้ส่วนใหญ่ที่เข้าบ้านมาก็จะถูกนำไปจ่ายหนี้ แทบไม่เหลือพอสำหรับใช้จ่ายอย่างอื่น หนี้ภาคธุรกิจก็กำลังเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้หนี้เสียในระบบธนาคารเพิ่มสูงขึ้นด้วย จึงเท่ากับว่านอกจากนักศึกษาจะต้องเผชิญกับภาวะว่างงานแล้ว ความหวังที่จะมีธุรกิจเป็นของตนเองก็ยังริบหรี่ เพราะธนาคารจะปล่อยกู้ยากขึ้น ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ หลายครอบครัวต้องเผชิญกับภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง คนอาจต้องหันไปพึ่งหนี้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงมากขึ้น นำไปสู่ปัญหาทางสังคมอีกมายมายตามมา ดังนั้น วันนี้ที่นักเรียนนักศึกษาออกมาชุมนุมเรียกร้อง เพราะเขาไม่เห็นอนาคตตัวเอง และไม่เชื่อใจว่า พล.อ. ประยุทธ์ อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารที่กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะสามารถสร้างอนาคตให้พวกเขาได้

 

ความผิดที่ 2 คือ ‘พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ใช่นักปรองดอง แต่เป็นนักไล่ล่า’ บอกว่าจะเข้ามาเพื่อสร้างความปรองดอง แต่เกือบ 7 ปีที่ผ่านมามีแต่การไล่ล่าจับกุมคุมขังผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง แม้กระทั่งในการชุมนุมเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ของลูกหลานเราในวันนี้ ก็ยังมีการไล่ล่าจับกุมคุมขังนักเรียน นักศึกษา แกนนำ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่หยุดหย่อน หลายคนยังถูกจองจำไร้ซึ่งอิสรภาพ ท่านปากว่าตาขยิบแบบนี้ยังกล้ามาบอกประชาชนว่าให้ถอยคนละก้าวอีก

 

ความผิดที่ 3 คือ ‘พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ใช่นักปฏิรูป แต่เป็นนักปฏิเสธการปฏิรูป’ ตั้งแต่ พล.อ. ประยุทธ์เข้าสู่อำนาจผ่านการทำรัฐประหารในปี 2557 ประกาศว่าจะเข้ามาเพื่อปฏิรูปประเทศ จนถึงกับมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 หมวดที่ 16 ให้มีการปฏิรูปประเทศ มีการตั้งกรรมการมาแล้ว 4-5 คณะ ใช้เงินภาษีของประชาชนไปจำนวนมาก แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการปฏิรูปประเทศใดๆ เกิดขึ้นเลย เพราะอะไรทราบหรือไม่ เพราะ พล.อ. ประยุทธ์เป็นอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร หลักคิดและอุดมการณ์ปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด ที่ผ่านมาจึงไม่เคยมีการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง

 

จิราพรกล่าวอีกว่า เมื่อวานนี้ พล.อ. ประยุทธ์พูดต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ 3 วาระรวดให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ส่วนตัวไม่เชื่อ เพราะในอดีตที่ผ่านมา ท่านรับปากอะไรไว้ไม่เคยทำจริงสักอย่าง สิ่งที่ท่านพูด พรรคพวก เครือข่ายท่านอาจเชื่อ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ เพราะคำพูดกับการกระทำของท่านสวนทางกันมาโดยตลอด ตนเองฟังมาตลอด 2 วัน ยังไม่เห็น พล.อ. ประยุทธ์กล้าพูดแบบเต็มปากเต็มคำว่าจะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และพฤติกรรมของท่านก็ทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจแล้วว่าจะทำจริง เขาถึงออกมาขับไล่ให้ พล.อ. ประยุทธ์ลาออก

.

“พลังของคนหนุ่มสาวในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพวกเขาจะต่อสู้อย่างถึงที่สุดจนกว่าบรรลุเป้าหมาย ไม่ต้องพยายามกล่าวหาว่าใครไปปลุกระดมพลังนี้ขึ้นมา เพราะข้อเท็จจริงทั้งหมดได้แสดงให้เห็นแล้วว่า สถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาต้องลุกขึ้นมาทวงสิทธิ เพื่อสร้างอนาคตของตัวเอง ถ้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางการเมืองของประเทศไทย ควรเกิดขึ้นโดยสันติวิธี ถ้าท่านคิดว่าจะใช้อาวุธและกฎหมายเพื่อกวาดล้างผู้เห็นต่างทางการเมืองแบบที่ผ่านมา ดิฉันเรียนว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ประชาคมโลกเฝ้าจับตามองอยู่และพร้อมที่จะเคียงข้างพวกเขา” จิราพรกล่าว พร้อมระบุอีกว่า

 

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519, พฤษภาทมิฬ 2535 และการเข่นฆ่าพี่น้องเสื้อแดงปี 2553 ฝ่ายผู้มีอำนาจใช้กำลังเข้าปราบปรามประชาชนจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และยังหาตัวผู้กระทำความผิดมารับผิดชอบความตายของประชาชนไม่ได้ มาถึงวันนี้มีการออกมาชุมนุมเรียกร้องของนักเรียน นักศึกษา และประชาชน แต่ดูจากท่าทีของ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่เคยรับฟังเสียงเรียกร้องของพวกเขา แม้กระทั่งวันนี้ การเสนอญัตติโดยฝ่ายรัฐบาลก็เหมือนเป็นการจงใจเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าเดิม

 

ตนเองจึงมีความวิตกกังวลว่าสถานการณ์จะสุ่มเสี่ยงไปสู่การสลายการชุมนุมอีกครั้ง ดังนั้นขอถาม พล.อ. ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจะมีนโยบายใช้อาวุธปราบปรามนักเรียน นิสิต นักศึกษาหรือไม่ ขอให้ยืนยันต่อสมาชิกรัฐสภาแห่งนี้ เพื่อเป็นสัญญาประชาคมกับประชาชนทั้งประเทศว่าจะไม่ใช้อาวุธที่มาจากเงินภาษีของประชาชนเพื่อเข่นฆ่าพวกเขาอีก

 

“การบริหารประเทศตลอดเกือบ 7 ปีที่ผ่านมา ของ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่สามารถสร้างประเทศและอนาคตที่ดีให้ลูกหลานเราได้ และเขาแน่แก่ใจแล้วว่าท่านไม่ใช่ผู้นำที่พร้อมจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ และไม่เชื่อว่าท่านจะนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เขาจึงเรียกร้องให้ท่านเสียสละลาออก วันนี้ท่านจะมาเรียกร้องให้คนทั้งประเทศเสียสละเพื่อท่านคนเดียวไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านเพียงแค่คนเดียวเสียสละลาออก กระบวนการแก้ปัญหาของประเทศก็จะสามารถเดินหน้าต่อได้ทันที อย่ามาอ้างว่าถ้าไม่มีท่านแล้วประเทศจะไม่มั่นคง เพราะความมั่นคงของท่านไม่ใช่ความมั่นคงของคนทั้งประเทศ” จิราพรกล่าวในที่สุด

 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising