×

ว่าด้วยเรื่องราวความรักโรแมนติก จิลล์-โจ ไบเดน คนที่ทำให้หัวใจว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ‘เต้นระรัวทุกครั้งที่เห็นเธอ’

09.11.2020
  • LOADING...
ว่าด้วยเรื่องราวความรักโรแมนติก จิลล์-โจ ไบเดน คนที่ทำให้หัวใจว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ‘เต้นระรัวทุกครั้งที่เห็นเธอ’

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • ประโยคแรกที่จิลล์พูดกับ โจ ไบเดน ทางโทรศัพท์คือ “คุณได้เบอร์นี้มาได้ยังไง”
  • เดตแรกของทั้งคู่คือการไปดูหนังด้วยกัน แต่อันที่จริงในค่ำคืนวันนั้นจิลล์เตรียมจะออกเดตกับชายหนุ่มอีกคน แต่เมื่อโจโทรมา เธอจึงปฏิเสธคู่เดตของตัวเองด้วยเหตุผลว่ามีเพื่อนจากต่างเมืองมาเยี่ยม
  • ในเดตครั้งที่ 2 โจขอให้จิลล์ไม่ออกเดตกับใครคนอื่นอีกได้ไหม จากนั้นอีก 2 ปีให้หลัง (1977) ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน หลังจากโจขอจิลล์แต่งงานถึง 5 ครั้ง
  • โจเคยเล่าว่าหัวใจหลักที่ทำให้ทั้งคู่ครองคู่กันได้ยาวนานคือความรักความใส่ใจ ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอเดินลงบันไดมา หัวใจเขายังคงเต้นระรัวอยู่เลย 

คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม?

เพราะ โจ ไบเดน ตกหลุมรัก จิลล์ เจคอบส์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอในงานอีเวนต์หนึ่ง และได้เริ่มสานสัมพันธ์หลังจากที่โจเห็นภาพโปสเตอร์โฆษณาที่จิลล์เป็นนางแบบสมัครเล่นติดอยู่ที่ป้ายรถเมล์

กามเทพสื่อรักของทั้งคู่คือ แฟรงก์ ไบเดน น้องชายของโจที่รู้จักจิลล์ที่มหาวิทยาลัย เขาเป็นคนเอาเบอร์โทรศัพท์จิลล์ให้กับพี่ชายของเขา จิลล์ตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ โจก็โทรหาเธอ ประโยคแรกที่เธอพูดกับเขาทางโทรศัพท์คือ “คุณได้เบอร์นี้มาได้ยังไง”

และในคืนนั้นจิลล์และโจก็ไปออกเดตด้วยกันครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ เรื่องตลกในครั้งนั้นก็คือจริงๆ แล้วคืนนั้นจิลล์มีแผนที่จะไปออกเดตกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งอยู่แล้ว แต่เมื่อโจโทรมา เธอก็ปฏิเสธคู่เดตของตัวเองไปด้วยเหตุผลที่ว่ามีเพื่อนจากต่างเมืองแวะมาเยี่ยม

เดตแรกในปี 1975 นี้น่าประทับใจมากๆ สำหรับทั้งคู่ จิลล์โทรไปหาคุณแม่ของเธอหลังจบเดตแรก เพื่อเล่าว่าเธอพบชายที่เป็นสุภาพบุรุษที่สุดคนหนึ่งแล้ว และในเดตครั้งที่ 2 โจก็ขอให้จิลล์ไม่ออกเดตกับใครคนอื่นอีกได้ไหม (หวานมากๆ)

ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1977 หลังจากโจขอจิลล์แต่งงานถึง 5 ครั้งกว่าเธอจะยอมตกลง (แต่จิลล์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าจริงๆ เธอก็ตกหลุมรักโจตั้งแต่แรกเช่นกัน) ความจริงแล้วไอเดียเรื่องการขอแต่งงานมาจากลูกชายทั้งสองของโจ (จากอดีตภรรยาคนแรก) คือโบและฮันเตอร์ ซึ่งอายุ 6-7 ขวบในตอนนั้น โดยเช้าวันหนึ่งหลังจากที่โจและจิลล์ได้รู้จักกันมาสักพัก เด็กชายทั้งสองเข้ามาในห้องน้ำตอนที่พ่อกำลังโกนหนวดอยู่ และบอกพ่อว่า “เราปรึกษากันแล้ว และคิดว่าเราควรแต่งงานกับจิลล์”

การแต่งงานครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการสร้างครอบครัวของทั้ง 4 คน และแม้ในช่วงฮันนีมูน โจและจิลล์ก็พาเด็กชายทั้งสองไปเที่ยวด้วยแทนที่จะใช้เวลาด้วยกันเพียงสองคน ครอบครัวนี้สมบูรณ์มากขึ้นเมื่อจิลล์คลอดลูกสาวคนเล็กในปี 1981 พี่ชายทั้งสองตื่นเต้นมากและรับหน้าที่ตั้งชื่อให้กับน้องสาวด้วยตนเอง โดยทั้งสองก็เลือกชื่อ ‘แอชลีย์’

โจเคยเล่าว่าหัวใจหลักที่ทำให้ทั้งคู่ครองรักกันได้ยาวนานคือความรักและความใส่ใจ ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอเดินลงบันไดมา หัวใจเขายังคงเต้นระรัวอยู่เลย

หากมองย้อนกลับไป เรียกได้ว่าจิลล์ช่วยเข้ามาเติมเต็มครอบครัวของโจให้สมบูรณ์ และพัดพาความหม่นหมองออกไปจากเหตุการณ์ที่โจสูญเสียภรรยาคนแรก (นีเลีย) พร้อมลูกสาวในอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1972 ส่วนลูกชายทั้งสอง (โบและฮันเตอร์) นั้นบาดเจ็บ หลังจากเด็กทั้งสองหายดี โจก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงานและดูแลลูกทั้งสอง เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครเข้ามาและทำให้ชีวิตมีความสุขสมหวังอีกครั้ง จนกระทั่งได้พบกับจิลล์

ทั้งคู่ครองรักกันมา 43 ปีแล้ว และความรักความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังคงแน่นแฟ้นและเต็มไปด้วยความอบอุ่น

จิลล์เล่าว่า “ความรักทำให้เรายืดหยุ่น ปรับตัวได้ง่ายเมื่ออยู่ด้วยกัน แม้ว่าบางครั้งจะมีเรื่องที่น่าเศร้าใจผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ความรักทำให้รู้ว่าเรามีกันและกัน มีที่พักพิงเสมอ”

 

 

เรื่องน่ารู้ของว่าที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา
จิลล์เคยเป็นสุภาพสตรีหมายเลขสอง (สมัยที่สามีเป็นรองประธานาธิบดี) ที่มีงานประจำในตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัยในวิชาภาษาอังกฤษ ฉะนั้นภาพที่จิลล์ถือกองกระดาษบทความของนักเรียนคือสิ่งที่ทุกคนเห็นจนชินตา ไม่ว่าจะไปออกงาน ระหว่างเดินทางบนเครื่องบิน หรือรอถ่ายทำรายการ เธอก็จะตรวจเรียงความและให้คะแนนนักเรียนตลอด แม้แต่ มิเชล โอบามา ยังเคยทักว่า “ฉันเกือบลืมไปเลยว่าเธอมีงานประจำด้วย เล่าให้ฟังหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง”

จิลล์วางแผนที่จะยังคงสอนหนังสือต่อไป แม้ว่าในอนาคตเธอจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแล้วก็ตาม หากเป็นจริง นี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกากว่า 231 ปีที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะมีงานประจำนอกเหนือจากงานในตำแหน่ง หากเปรียบเทียบดู สมัยก่อนภรรยาจะอยู่ในตำแหน่งของคุณแม่ที่คอยดูแลบ้าน ดูแลครอบครัว แต่ในปัจจุบันสังคมได้เปลี่ยนไป ผู้หญิงสามารถทำได้ทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน เป็นได้ทั้งช้างเท้าหน้าหรือช้างเท้าหลัง ฉะนั้นความเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในศตวรรษที่ 21 ก็ถือว่าน่าสนใจ แต่ไม่น่าตกใจ

จิลล์บอกว่าเธออยากทำหน้าที่อาจารย์ต่อไปเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้บรรดานักเรียนของเธอ (เพราะนักเรียนหลายคนคือผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัย ฉะนั้นเธออยากจะช่วยผลักดันพวกเขาให้ประสบความสำเร็จ) อีกทั้งเธอหวังว่าคนจะให้ความสำคัญต่ออาชีพครูมากขึ้น เข้าใจถึงความทุ่มเท และช่วยกันยกย่องพัฒนาอาชีพนี้

นอกจากนี้จิลล์ยังสนับสนุนโครงการสาธารณะประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนครอบครัวของทหารและทหารผ่านศึก การผลักดันการพัฒนาวิทยาลัยในชุมชน หรือการสนับสนุนการวิจัยและการป้องกันมะเร็งเต้านม

 

 

สำหรับหลานๆ แล้ว จิลล์เป็นคุณย่าที่ชอบแกล้งหลานๆ มาก มีครั้งหนึ่งขณะไปวิ่งอออกกำลังกาย เธอเห็นซากงูอยู่ที่พื้น จึงเก็บใส่ถุงกลับมาเพื่อมาแกล้งคนเล่นด้วย

เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขสองของสหรัฐฯ จิลล์เล่าว่าเธอไม่ชอบตำแหน่งนี้ แต่ชอบให้เรียกว่า ‘กัปตันทีมผู้พิทักษ์รองประธานาธิบดี’ (Captain of the Vice Squad) มากกว่า ซึ่งหลังจากการสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม 2021 เธออาจจะอยากเปลี่ยนตำแหน่งเป็น ‘กัปตันทีมผู้พิทักษ์ประธานาธิบดี’ ก็เป็นได้… 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising