สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ข้อมูลว่าราคาข้าวขณะนี้ปรับตัวสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ขายราคา 1.25 พันเหรียญสหรัฐหรือ 4 หมื่นบาทต่อตันเนื่องจากความต้องการข้าวในตลาดโลกยังมีสูง ส่วนข้าวขาวก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยราคา 430-435 เหรียญสหรัฐหรือ 1.37-1.39 หมื่นบาทต่อตัน โดยพบว่าหลายประเทศคู่ค้านำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น และล่าสุดไทยก็เพิ่งชนะการประมูลนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์ไปได้ คาดว่าทิศทางราคาข้าวไทยจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้และจะส่งออกข้าวทะลุ 10 ล้านตันอย่างแน่นอน
ทางสมาคมแนะนำเกษตรกรทั่วประเทศให้หันมาปลูกข้าวพันธุ์ที่เป็นที่ต้องการของตลาด จำพวกข้าวพื้นนิ่มอย่างพันธุ์ กข 21 แทนการปลูกข้าวขาว ซึ่งปัจจุบันมีคู่แข่งรายสำคัญอย่างอินเดีย เวียดนาม หรือกระทั่งเมียนมาก็ตาม โดยสมาคมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะรับซื้อข้าวพื้นนิ่มไปทำตลาดให้ทั้งหมด คาดว่าจะเริ่มต้นที่ภาคกลาง ซึ่งจะเพาะปลูกในเดือนสิงหาคมนี้จำนวน 1 หมื่นตัน ซึ่งราคาส่งออกอยู่ในช่วง 500-600 เหรียญสหรัฐหรือ 1.6-1.9 หมื่นบาทต่อตัน ซึ่งตลาดสำคัญยังคงเป็นประเทศจีน และมีแนวโน้มของตลาดค่อนข้างสดใส สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญกับการส่งออกข้าวของไทยคือค่าเงินบาท ซึ่งทางสมาคมมองว่าอัตราที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งยังห่างจากอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันที่ 31.91 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
ภาพรวมการส่งออกข้าวของประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคมถึง 15 พ.ค. ที่ผ่านมา สามารถส่งออกได้ 4.21 ล้านตัน ยังเป็นรองจากอินเดียที่ส่งออกได้ 4.77 ล้านตัน ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่า อินเดียแซงประเทศไทย ขึ้นครองตำแหน่งแชมป์ส่งออกข้าวได้ถึง 3 ปีรวด (2558-2560) โดยปีที่ผ่านมาส่งออกได้สูงถึง 12 ล้านตัน ขณะที่ประเทศไทยส่งออกได้ 11.48 ล้านตัน จึงเป็นโจทย์ที่ต้องกลับมาทบทวนอีกครั้งเรื่องการให้ความสำคัญเรื่องของปริมาณการส่งออก เปรียบเทียบกับคุณภาพของข้าว และการทำตลาดที่แตกต่างไปจากที่เคยเป็นมา
อ้างอิง:
