ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) และ บมจ.โมโน เน็กซ์ (MONO) วันนี้ (17 มกราคม) ปรับตัวขึ้น 7.94% มาปิดที่ 4.08 บาท และ 29.13% มาปิดที่ 2.66 บาท ตามลำดับ โดยราคาปิดของ MONO เป็นราคา Ceiling ของวันนี้ โดยราคาหุ้นของทั้ง JAS และ MONO ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 วันทำการติดต่อกัน
ปัจจุบัน JAS และ MONO มีผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดียวกันคือ พิชญ์ โพธารามิก โดยมีสัดส่วนถือหุ้น JAS 53.21% และถือหุ้น MONO 65.91% อย่างไรก็ตาม หากดูจากรายชื่อผู้ถือหุ้นปัจจุบันจะเห็นว่า JAS ไม่ได้มีสัดส่วนการถือหุ้นใน MONO แต่อย่างใด
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวลือในตลาดว่า การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น JAS เป็นผลจากความคาดหวังที่ JAS อาจจะตัดสินใจขายธุรกิจหลักคือ ธุรกิจบรอดแบนด์ออกไปให้กับคู่แข่งในอุตสาหกรรม
สุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส มองว่า ข่าวลือเกี่ยวกับการขายธุรกิจบรอดแบนด์ของ JAS มีมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยส่วนตัวมองว่าน่าจะมีการพูดคุยกันอยู่บ้าง แต่ดีลจะจบได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับราคา ผลตอบแทน และความคุ้มค่า ซึ่งก็คงต้องรอดูความชัดเจนจากบริษัทเอง
ในฝั่งของผู้ซื้อที่อาจจะทำธุรกิจบรอดแบนด์อยู่ก่อนแล้ว ก็คงจะต้องพิจารณาในเรื่องของการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดยเทียบระหว่างการใช้เวลาและทรัพยากรเพื่อขยายด้วยตัวเอง เทียบกับการตัดสินใจซื้อธุรกิจเข้ามาเสริมเลยทันที
นอกจากข่าวลือเรื่องการขายธุรกิจบรอดแบนด์แล้ว หากจะหาเหตุผลมาใส่ให้กับราคาหุ้นของ JAS ที่วิ่งขึ้นมา ก็อาจตีความในส่วนของการถือหุ้นในจัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) อยู่ราวครึ่งหนึ่ง ซึ่ง JTS ที่ขยับไปทำเหมือง Bitcoin ทำให้ราคาหุ้นขยับขึ้นมาสูง ในขณะที่หุ้นแม่อย่าง JAS ยังไม่ได้ขยับ ก็อาจเป็นอีกข้อสังเกตหนึ่ง แต่ทั้งนี้ นักลงทุนก็ต้องคิดต่อไปอีกสเตปว่าหาก JAS อยากจะขายหุ้น JTS ที่ถืออยู่ออกไป จะสามารถทำได้จริงหรือไม่
“กรณีที่ JAS ขายธุรกิจบรอดแบนด์ออกไปจริง ธุรกิจหลักก็จะเหลือ JTS ซึ่งทำเหมือง Bitcoin รวมถึงธุรกิจเดิมคืองานวางระบบ ซึ่งที่ผ่านมาทำให้กับภายในมากกว่า ในแง่มูลค่าหุ้นหากเทียบกับ Fair Value ที่ประเมินไว้ 3 บาท ราคาหุ้นของ JAS ปัจจุบันก็ถือว่า Overvalued ค่อนข้างมาก ราคาตรงนี้คงรวมความคาดหวังเรื่องการขายธุรกิจ หากเกิดขึ้นจริงและขายได้แพงกว่าที่คาด ราคาหุ้นก็อาจจะไปต่อได้ แต่ถ้าขายได้ต่ำกว่าก็คงเจ็บตัว โดยรวมแล้วมองว่าการเก็งกำไรตรงนี้เสี่ยงเกินไป”
ด้านแหล่งข่าวนักวิเคราะห์เปิดเผยว่า หาก JAS ขายธุรกิจบรอดแบนด์ออกไปจริง ก็มีโอกาสจะได้เงินสดก้อนใหญ่เข้ามาในบริษัท ซึ่งคงต้องมาดูกันอีกทีว่าเงินที่ได้มานั้นจะนำไปลงทุนอะไรต่อ ในขณะที่ธุรกิจหลักที่เหลืออยู่จะเป็นส่วนของ JTS ซึ่งชัดเจนแล้วว่ามุ่งทำเหมือง Bitcoin
ที่ผ่านมามูลค่าของ JTS เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก หากพิจารณาจากสัดส่วนการถือหุ้น JTS ของ JAS ก็ดูเหมือนว่าเฉพาะส่วนที่ถือหุ้น JTS ก็จะเท่ากับมูลค่า JAS ในปัจจุบันแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดยังไม่มั่นใจว่ามูลค่าของ JTS จะยืนอยู่ได้ในระดับนี้หรือไม่
“ถ้ามูลค่าของ JTS ยืนอยู่ได้ และการขุด Bitcoin เป็นบวกระยะยาว ราคาหุ้นของ JAS ตอนนี้ก็ยังถือว่าถูก แต่ JTS จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าราคานี้สมเหตุสมผล เพราะหากดูจากค่า P/E ในปัจจุบันก็ถือว่าค่อนข้างสูง นักลงทุนจึงยังไม่กล้าให้มูลค่ากับสัดส่วนที่ JAS ถืออยู่ใน JTS”
ในส่วนของ MONO บล.บัวหลวง ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า รายได้โฆษณาทีวีน่าจะฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 50% จากไตรมาส 3 ปี 2564 โดย Utilization Rate ฟื้นตัวเป็น 65-70% ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เพิ่มขึ้น 15-35%
ทั้งนี้ เรามองว่ามีโอกาสที่ผลประกอบการของ MONO ในไตรมาส 4 ปี 2564 จะพลิกกลับเป็นกำไรจากในไตรมาส 3 ที่ยังขาดทุน แต่โดยรวมยังแนะนำรอดูให้เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน
ปัจจุบันผลประกอบการของทั้ง JAS และ MONO ในช่วง 9 เดือนของปี 2564 ยังคงมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ทั้งคู่ โดย JAS ขาดทุนสุทธิ 1.55 พันล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานถึง 6.57 พันล้านบาท แต่ยังถูกกดดันจากค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 8.26 พันล้านบาท ขณะที่ MONO เองก็มีภาพคล้ายกันคือ บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 28.87 ล้านบาท แม้ว่าจะมีเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานในระดับ 788 ล้านบาท แต่ก็ถูกกดดันจากค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 1.05 พันล้านบาท
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP