×

รถยนต์ไฮโดรเจนอาจเป็นคำตอบ? หากญี่ปุ่นตกขบวน EV

27.01.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • เมื่อปี 2022 ยอดขายรถ EV ทั่วโลกอยู่ที่ราว 7.8 ล้านคัน คิดเป็น 10% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก และเพิ่มขึ้น 68% จากปีก่อนหน้า
  • แม้ว่า Toyota น่าจะยังคงเป็นบริษัทรถยนต์ที่มียอดขายมากที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แต่ยอดขายมีแนวโน้มจะหดตัวสวนทางกับการเติบโตของรถ EV
  • ในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ของโลก Toyota เผชิญกับความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงอย่างมาก นำไปสู่การตั้งคำถามว่า Toyota อาจจะขยับตัวได้ช้าเกินไป
  • ขณะที่ผู้บริหารของ Toyota กล่าวว่า “เราไม่ต้องการจะถูกมองว่าเป็นผู้ผลิตรถ EV แต่ต้องการจะเป็นบริษัทที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์”
  • สิ่งที่ Toyota รวมถึงค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นรายอื่นกำลังมุ่งหน้าไปอาจไม่ใช่ EV แต่อาจจะเป็นเทคโนโลยีไฮโดรเจน หลังมีการเปิดเผยว่าค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับทาง Tokyo Technocrats เพื่อพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีศักยภาพที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า EV

ท่ามกลางกระแสของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของอุตสาหกรรมมาหลายทศวรรษดูเหมือนจะไม่ใช่ผู้นำของการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้ และอาจจะถึงขั้นตกขบวนของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ EV ของโลก

 

ระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน ปี 2022 Toyota สร้างยอดขายภายใต้แบรนด์ Toyota ได้ 8.7 ล้านคัน ลดลง 0.4% จากปีก่อน แม้ปริมาณการขายรถของ Toyota น่าจะยังเป็นเบอร์หนึ่งของโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน แต่การหดตัวของยอดขายกำลังสวนทางกับการเติบโตของรถ EV อย่างเห็นได้ชัด สะท้อนผ่านยอดขายของ BYD และ Tesla ตลอดทั้งปี 2022 ที่เติบโตก้าวกระโดดถึง 156.7% และ 49.7% คิดเป็นจำนวน 1.85 ล้านคัน และ 1.37 ล้านคัน ตามลำดับ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


ทั้งนี้ Wall Street Journal รายงานว่า ยอดขายรถ EV ทั่วโลก ในปี 2022 คิดเป็น 10% หรือราว 7.8 ล้านคันของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก และเพิ่มขึ้น 68% จากปี 2021

 

ความท้าทายของ Toyota รวมทั้งบริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายอื่นๆ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เกิดมุมมองที่ว่าค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอาจขยับตัวช้าเกินไปเพื่อแข่งขันในอุตสาหกรรม EV

 

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Bloomberg รายงานว่า ในการแข่งขัน NASCAR Cup Series หรือ National Association for Stock Car Auto Racing ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีเครื่องบินสปอนเซอร์บินผ่าน Phoenix Raceway ซึ่งก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป เว้นแต่ข้อความบนแบนเนอร์ของสปอนเซอร์ที่บอกว่า ‘Want exciting? Drive electric. Want boring? Drive Toyota.’

 

ตามมาด้วยจดหมายเปิดผนึกจากพลเมืองและหน่วยงานต่างๆ ถึง Akio Toyoda ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Toyota ที่เตรียมจะก้าวลงจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2023 โดยเนื้อความของจดหมายระบุว่า

 

“แม้ว่าจะยังไม่มีผู้ผลิตรถยนต์รายใดที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ตามความต้องการของผู้บริโภคได้ แต่ทำไม Toyota ถึงไม่พยายามแม้แต่จะเปลี่ยนแปลงเลย?

 

“Toyota ต้องเปลี่ยนตัวเองให้เร็ว ไม่อย่างนั้นความเสี่ยงอันมหาศาลกำลังจะตามมา”

 

ที่ผ่านมา Toyota นับเป็นแบรนด์ค่ายรถยนต์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั่วโลกมาอย่างยาวนาน มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 1 ใน 3 ของยอดขายรถยนต์มือ 1 ในสหรัฐฯ และครองตลาดตั้งแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงแอฟริกา

 

การที่ Toyota ไม่มีชื่อในกลุ่มของรถ EV เลย จึงเป็นเรื่องที่ชวนสงสัยว่าเพราะเหตุใด Toyota ในฐานะผู้บุกเบิกในการพัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นกลุ่มแรกๆ ผ่าน Toyota Prius เมื่อ 25 ปีก่อน ถึงตัดสินใจรุกตลาด EV ได้ช้ามาก

 

ขณะที่ค่ายรถยนต์จากประเทศเดียวกันอย่าง Nissan ก็ได้เปิดตัว Nissan Leaf รถยนต์แฮทช์แบ็กที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมดเมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นโมเดลให้กับรถยนต์ EV ในปัจจุบัน อีกทั้งในปีเดียวกัน Mitsubishi ก็ยังได้เปิดตัว EV รุ่นแรกของตัวเองเช่นกัน

 

Bloomberg ตั้งข้อสังเกตว่า ด้วยความเชื่อที่ว่าการปฏิวัติแบตเตอรี่จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นมุ่งเน้นไปยังรถยนต์ไฮบริดที่ใช้พลังงานเบนซิน-ไฟฟ้า และร่วมมือกับทาง Tokyo Technocrats เพื่อพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีศักยภาพที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า EV

 

ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา Toyoda เคยกล่าวไว้ว่า “แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าจะต้องใช้เวลานานกว่าที่สื่อต้องการให้เราเชื่อ” และทาง Toyota มีภารกิจในการลดการปล่อย CO2 แต่ไม่ต้องการที่จะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งอย่างแบตเตอรี่เพียงเท่านั้น

 

พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “ในโลกที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ในยุคที่เราไม่รู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องที่สุดคืออะไร เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขด้วยตัวเลือกเพียงตัวเลือกเดียว”

 

แต่สิ่งที่น่าจะเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือการเติบโตของรถยนต์ EV ที่เร็วเกินกว่าที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นคาดการณ์ไว้มาก จากการเก็บข้อมูลของ Bloomberg Data พบว่า 15% ของรถยนต์ที่ขายออกไปใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2022 ในเยอรมนีและสหราชอาณาจักร เป็นรถยนต์ไฟฟ้า และมากกว่า 20% ในฝั่งของจีน แต่ในสหรัฐฯ มีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น

 

ในขณะเดียวกัน Toyota ก็มีแผนที่จะเปิดตัวรถ EV 15 รุ่น ภายในปี 2025 พร้อมกับการเร่งลงทุนจำนวน 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ ตลอดทั้งทศวรรษ เพื่อขยายการผลิตแบตเตอรี่

 

อย่างไรก็ตาม Shigeru Hayakawa รองประธานกรรมการของ Toyota ให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่า “เราไม่ต้องการจะถูกมองว่าเป็นผู้ผลิตรถ EV แต่ต้องการจะเป็นบริษัทที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์”

 

แต่ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือเครื่องยนต์ของเทคโนโลยีไฮโดรเจนยังคงมีบางส่วนที่ก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอน และทำให้ไม่สามารถที่จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ Zero Emission ได้

 

ถึงแม้ว่าผลพลอยได้จากการเผาไหม้ของไฮโดรเจนและออกซิเจนคือน้ำ แต่ยังมีส่วนที่เครื่องยนต์เผาไหม้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอนราว 2% ของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ขณะที่ควันจากการเผาไหม้ยังมีส่วนประกอบของไนโตรเจนออกไซด์รวมอยู่ด้วย

 

ขณะที่องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า ไฮโดรเจนเป็นที่คาดหวังมาอย่างยาวนานว่าจะกลายมาเป็นแหล่งเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำของอุตสาหกรรมขนส่ง แต่การปรับใช้เข้ากับอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเป็นสิ่งที่ยาก

 

แม้ว่า Toyota จะมีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เพียงพอ แต่บริษัทยังต้องสร้างรถยนต์ที่สามารถแข่งขันด้านราคา ระยะทางการวิ่ง และต้นทุนในการดำเนินงาน เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในและรถ EV

 

ระหว่างทางของการเปลี่ยนแปลงปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นต้องเผชิญกับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเข้ามาของ EV

 

The Japan Times รายงานว่า Honda Motor ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น ประกาศว่าจะปิดตัวหน่วยการผลิตเครื่องยนต์ในเมืองโมกะ จังหวัดโทชิกิ ภายในปี 2025 และจะยุติการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันภายในปี 2040 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

Keita Aoki ผู้ที่ทำงานในบริษัทที่จัดหาชิ้นส่วนให้กับโรงงานผลิตของ Honda Motor สาขาโมกะ มานานกว่า 3 ทศวรรษ บอกว่า “เขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น แต่มันรวดเร็วกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก เขาคาดว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อยจะต้องรอไปถึง 10 ปี”

 

แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านจากยานยนต์สันดาปภายในไปสู่พลังงานไฟฟ้าจะเป็นไปอย่างเชื่องช้าในญี่ปุ่น แต่ The Japan Times มองว่าผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นพร้อมที่จะเร่งดำเนินการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากการผลิตรถยนต์เป็นภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลายบริษัทจึงทำการเปลี่ยนหรือลดขนาดการผลิตลงเหมือนที่ Honda Motor ได้ประกาศในเมืองโมกะ

 

ส่วนแนวทางที่ค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นจะมุ่งไปนั้นคือทิศทางไหน ไม่ว่าจะเป็น EV หรือไฮโดรเจน คงต้องติดตามกันต่อไปหลังจากนี้ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดในเวลานี้คือการมาถึงของ EV กำลังพลิกโฉมโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิดไว้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising