รู้จัก ‘เจนิซ หว่อง’ ราชินีขนมหวานของภูมิภาคเอเชีย

เราได้พบเจนิซ หว่อง ครั้งแรกภายในงาน Asia’s 50 Best Restaurants ที่จัดในสิงคโปร์ ซึ่งในปีนั้นเธอได้รับรางวัลเชฟขนมหวานที่ดีที่สุดของเอเชียเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แต่ก่อนหน้านั้น 1 วัน เราได้จอง 2am : dessertbar by Janice Wong ผ่านทางเว็บไซต์ไปตั้งแต่กรุงเทพฯ เนื่องจากเสียงร่ำลือเรื่องขนมหวานจับคู่กับค็อกเทลของเธอ และก็ต้องขอขอบคุณไกด์ชาวสิงคโปร์ที่เป็นธุระนัดหมายให้เราได้คุยกับเธอ หลังจากเราได้กินขนมหวานของเธอมาแล้วล่วงหน้า

เจนิซบอกว่าขนมหวานของเธอเรียกว่า ‘Progressive Dessert’ เธอนำเสนองานศิลปะที่กินได้ เธอพูดถึง ‘Cassis Plum’ ว่าขนมหวานจานนี้มีที่มาจากฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น ทำจากไอศกรีมเบอร์รีรสเปรี้ยวกับโฟมโยเกิร์ตผสมดอกเอลเดอร์ กรานิต้าเหล้าบ๊วย และยูสุเพิร์ล ตามคอนเซปต์ก็จะให้จับคู่กับเครื่องดื่มค็อกเทลหรือม็อกเทล แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของลูกค้า สำหรับขนมหวานจานนี้แนะนำว่าเป็น Umeshu Elderflower ลิเคียวร์บ๊วยผสมลิเคียวร์เอลเดอร์ฟาวเวอร์

เจนิซขยายร้านของเธอไปที่ห้างสรรพสินค้า Paragon บนถนนออร์ชาร์ดในชื่อ Janice Wong Singapore, Paragon ใกล้ชิดกับคนกินมากกว่าสาขาแรกที่ไกลออกมาถึงฮอลแลนด์วิลเลจ ที่นี่เด่นเรื่องโมจิและช็อกโกแลตบอนบอน มีโมจิ 8 รสชาติ และช็อกโกแลตสอดไส้ 20 รสชาติ (รสโกปี๊ รสไข่เค็ม และรสแกงกะหรี่มะม่วง)

ด้วยชื่อเสียงของเจนิซทำให้เธอมีโอกาสโกอินเตอร์ไปทั้งฮ่องกงและญี่ปุ่น รวมถึงเปิดสาขาที่ 3 ซึ่งเป็นแฟลกชิปสโตร์ในสิงคโปร์ ทั้ง 3 ร้านเปิดตัวในปีเดียวกันคือปี 2016 เราต้องบอกว่าปีนี้คือปีทองของเธอ

COBO HOUSE by 2am : dessertbar เปิดตัวในช่วงต้นปี 2016 จากการไปลิ้มลองมาเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ทำให้ทราบมาว่าเจนิซร่วมทุนกับเศรษฐีอันดับต้นๆ ในฮ่องกง ซึ่งเป็นเจ้าของ Artisan Room ร้านกาแฟและแกลเลอรีที่อยู่ติดกัน แน่นอนว่าที่นี่มีอาร์ตพีซอย่างศิลปะจากมาร์ชเมลโล่ รวมถึงงานศิลปะของสะสมของหุ้นส่วนประดับภายในร้าน ที่นี่บริการทั้งอาหารคาวและขนมหวาน ใช่ เธอคือราชินีขนมหวาน แต่เธอก็ทำเมนูอาหารคาวได้เช่นกัน

การมาที่นี่ทำให้เราได้เห็นปรากฏการณ์ที่แตกต่างจาก 2am ตรงที่คนจำนวนมากสั่งอาหารคาว แต่ด้วยความที่เราเป็นแฟนขนมหวานของเธอ (และเนื่องจากกระเป๋าเงินเราก็แฟ่บไปเยอะ) เราจึงไม่ลังเลกับการสั่งเป็น Dessert Degustation 3 คอร์ส ซึ่งมีให้เลือก 2 เซต พร้อมเลือกได้ว่าจะจับคู่กับค็อกเทลหรือม็อกเทล และแน่นอนว่ากับม็อกเทลย่อมราคาถูกกว่า หวังว่าโอกาสหน้าจะได้ลิ้มลองอาหารคาวของเธอบ้างแล้วกัน

การเปิด Janice Wong Dessert Bar, Japan ในย่านชินจูกุ กลางกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เพียงเดือนเดียวหลังจากฮ่องกง ทำให้สาขานี้มีความใกล้เคียงกับ 2am ที่เน้นขนมหวานจับคู่กับค็อกเทล แต่ขอบอกว่าทริปญี่ปุ่นนั้นเราถังแตกยิ่งกว่าทริปฮ่องกงเสียอีก

ขนมหวาน 1 จาน กับเครื่องดื่ม 1 แก้ว คือสิ่งที่เราสามารถจ่ายได้ในวันนั้น (หึหึ) แต่หารู้ไม่ว่าสาขานี้ราคาดียิ่งกว่าในสิงคโปร์และฮ่องกงเสียอีก! เราได้กิน Kyoto Garden Version Autumn 2016 ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่กุหลาบและพริกญี่ปุ่น สาขานี้ดีตรงที่นั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ ให้นั่งดูการประกอบตัวของขนมหวานก่อนส่งผ่านมาถึงเราได้สุดจะเพลิน

ปิดท้ายที่ Janice Wong Singapore, National Museum สาขาล่าสุดเปิดเดือนสิงหาคม ปี 2016 ที่นี่เปรียบได้กับร้านอาหารแฟลกชิปของแบรนด์ ฟังไม่ผิดหรอก… เพราะเจนิซเริ่มจริงจังกับร้านอาหาร ซึ่งต่อยอดจากขนมหวาน แน่นอนว่าเธอยังไม่ทิ้งขนมหวานที่เธอรัก อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารเอเชียโมเดิร์น โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ เสี่ยวหลงเปา และติ่มซำ ซึ่งเธอร่วมกับเชฟอีกคนเขียนหนังสือชื่อว่า Dim Sum: A Flour-Forward Approach to Traditional Favorites and Contemporary Creations นำเสนอเกี่ยวกับเสี่ยวหลงเปาทรัฟเฟิลชีสและไก่ เสี่ยวหลงเปาไส้หมูหมักวิสกี้ ส่วนอาหารก็มีโจ๊กตับห่าน โซเม็งหอยเชลล์ และแน่นอนขนมหวานซิกเนเจอร์ของเธอ