×

ทำไม แจ็ค กรีลิช จึงเป็นนักเตะค่าตัว 100 ล้านปอนด์ คนแรกของอังกฤษ?

โดย THE STANDARD TEAM
05.08.2021
  • LOADING...
Jack Grealish

หลังจากที่มีกระแสข่าวต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ในที่สุดแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ได้เสริมทัพด้วยนักเตะระดับ ‘บิ๊กเนม’ คนแรก ด้วยการทุบสถิติคว้าตัว แจ็ค กรีลิช มาจากแอสตัน วิลลา ด้วยค่าตัวถึง 100 ล้านปอนด์

 

การย้ายทีมครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ดาวเตะทีมชาติอังกฤษกลายเป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษคนแรกที่มีค่าตัว 100 ล้านปอนด์ ยังแซงหน้าสถิตินักฟุตบอลแพงที่สุดของพรีเมียร์ลีกที่เป็นของ พอล ป็อกบา ที่ย้ายจากยูเวนตุสมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยราคา 89 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2016 และสถิตินักเตะอังกฤษที่ค่าตัวแพงที่สุดของ แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่ย้ายจากเลสเตอร์ ซิตี้ มาเป็น ‘ปีศาจแดง’ ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ เมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว

 

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้นักฟุตบอลที่ไม่ได้ย้ายมาจากสโมสรในระดับยักษ์ใหญ่ แต่เป็นทีมระดับกลางอย่างแอสตัน วิลลา ถึงมีค่าตัวมากในระดับนี้?

 

THE STANDARD ชวนมาหาคำตอบและทำความรู้จักกับกรีลิชเพิ่มขึ้น

 

  • แม้จะอยู่กับทีมระดับกลางอย่างแอสตัน วิลลา แต่ชื่อเสียงของ แจ็ค กรีลิช ในวงการฟุตบอลอังกฤษนั้นเป็นที่เลื่องมานาน ในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ในการเล่นสูงสุดของยุคสมัย

 

  • กรีลิชเกิดที่เมืองเบอร์มิงแฮม และได้มาอยู่กับแอสตัน วิลลา ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และอยู่กับสโมสรมาตลอดนับจากนั้น โดยที่เคยย้ายไปเล่นให้สโมสรแบบยืมตัวแค่ครั้งเดียวในสมัยวัยรุ่นกับน็อตส์ เคาน์ตี ในฤดูกาล 2013/14 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ

 

  • หลังจากนั้นเขาค่อยๆ ก้าวจากการเป็นดาวรุ่งที่มีปัญหาความประพฤติจนหมิ่นเหม่ที่จะโดนอัปเปหิออกจากสโมสรหลายครั้ง มาสู่การเป็นนักเตะที่ทีมไม่สามารถขาดได้ และกลายเป็นขวัญใจอันดับ 1 ของสโมสร แม้ว่าเขาจะได้เล่นในพรีเมียร์ลีกแค่ 2 ฤดูกาลในช่วงแรกของชีวิต (2014/15 และ 2015/16) และต้องเล่นในระดับแชมเปียนชิปอยู่อีกหลายปีก็ตาม

 

  • กรีลิชได้รับปลอกแขนกัปตันทีมวิลลาในเดือนมีนาคม ปี 2019 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อเขาพาทีมชนะในลีกเดอะแชมเปียนชิป 10 นัดรวด ทำให้ทีมได้สิทธิ์เพลย์ออฟ และสามารถเอาชนะดาร์บี เคาน์ตี ได้กลับมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

 

  • ด้วยความสำคัญของกรีลิชที่เป็น ‘ไอคอน’ ของสโมสร ทำให้วิลลาย่อมไม่อยากเสียนักเตะที่แฟนบอลรักที่สุดไปง่ายๆ และที่สำคัญใน 2 ฤดูกาลที่กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก กรีลิชพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นหนึ่งในตัวรุกที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องของลีลาการเล่น แต่เป็นเรื่องของคุณภาพในการสร้างสรรค์เกมด้วย

 

  • ตามข้อมูลจาก The Athletic กรีลิชเป็นผู้เล่นที่สามารถสร้างสรรค์โอกาสในการเล่นโอเพนเพลย์ (Chances Created from Open Play) สูงเป็นลำดับที่ 2 ของพรีเมียร์ลีก โดยทำไป 70 ครั้งในฤดูกาล 2020/21 ที่ผ่านมา เป็นรองเพียงแค่ บรูโน แฟร์นันด์ส แค่คนเดียว

 

  • และหากนับจำนวนการสร้างโอกาส (Chances Created) กรีลิชอยู่ในลำดับที่ 3 ทำได้ 81 ครั้ง เป็นรอง บรูโน แฟร์นันด์ส เจ้าเก่า และ เมสัน เมาท์ ที่ 95 และ 87 ครั้ง ตามลำดับ และยังมากกว่า เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ 80 ครั้งด้วย

 

  • ขณะที่จำนวนการแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา กรีลิชทำได้ 10 ครั้ง เท่ากับเดอ บรอยน์ และ ซนฮึงมิน ส่วนคนที่ทำได้สูงกว่ามีแค่ แฮร์รี เคน และ บรูโน แฟร์นันด์ส ที่ 14 และ 12 ครั้ง ตามลำดับ

 

  • สถิติตรงนี้เป็นเครื่องพิสูจน์คุณภาพของกรีลิชได้เป็นอย่างดี และที่น่าสนใจยิ่งขึ้นคือ การที่เขาอยู่กับทีมระดับกลางอย่างแอสตัน วิลลา ซึ่งจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 11 แถมยังลงเล่นน้อยกว่า

 

  • ปกติแล้วกรีลิชจะเล่นในตำแหน่งอิสระ ประจำการทางฝั่งซ้ายเป็นหลัก แต่ด้วยฝีเท้าแล้วสามารถที่จะปรับตำแหน่งการยืนได้ทั้งในตำแหน่งกองกลางตัวรุกในระบบกองกลาง 3 คน, กองหน้าตัวต่ำ หรือปีกซ้าย ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้จัดการทีมที่ต้องการความยืดหยุ่นอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา

 

  • ในบทวิเคราะห์ของ The Athletic ประเมินว่า เป๊ปอยากให้กรีลิชเล่นในตำแหน่ง ‘หมายเลข 8’ หรือกองกลางตัวบนในระบบกองกลาง 3 คน (4-3-3) เพื่อสร้างเกมจากแดนกลาง ซึ่งจุดที่น่าสนใจคือปกติแล้วแมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่อาศัยความลื่นไหลในการเล่น ขณะที่สไตล์ของกรีลิชเป็นสไตล์ลากจี้คู่ต่อสู้ เพื่อเอาชนะในการดวลเพื่อสร้างโอกาสเป็นหลัก

 

  • ขณะที่อายุการใช้งานยังเหลืออีกหลายปี กรีลิชอายุ 25 ปี และกำลังจะครบ 26 ปีในเดือนหน้า ในระยะยาวจะเป็นตัวแทนของเดอ บรอยน์ ที่อายุ 30 ปีแล้ว และจะเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง

 

  • นอกจากในเรื่องของคุณภาพของฝีเท้าที่คับแก้วแล้ว กรีลิชยังเป็นนักฟุตบอลในสไตล์ที่เกิดมาเพื่อเป็นสตาร์อย่างแท้จริง ด้วยเทคนิคการเล่นที่สูงส่ง ความกล้าหาญในการที่จะพยายามสร้างความแตกต่างในเกมให้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

 

  • นักฟุตบอลในแบบนี้เป็นที่รักของแฟนฟุตบอล เป็นคนที่แฟนบอลพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อเข้ามาดูฟอร์มสดๆ ในสนาม เหมือนที่แฟนบอลทีมชาติอังกฤษรอที่จะได้เห็นกรีลิชลงสนามในศึกยูโร 2020 และเมื่อได้โอกาสลงเล่น เสียงปรบมือของเขาดังยิ่งกว่าคนอื่น

 

  • กรีลิชยังมีศักยภาพที่จะเป็น ‘Posterboy’ หรือผู้เล่นที่เป็นหน้าเป็นตาของสโมสรที่จะสามารถทำการตลาดได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันแมนฯ ซิตี้ มีดาวเด่นคือ เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง ซึ่งยังขาดคาริสมาหรือเสน่ห์บางอย่างเหมือนที่กรีลิชมี

 

  • อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ทำให้กรีลิชมีค่าตัวมหาศาลถึง 100 ล้านปอนด์ คือการที่เขาเป็นนักเตะอังกฤษ ซึ่งปกติแล้วก็มีผลต่อราคาที่เพิ่มขึ้น เมื่อรวมกับกฎผู้เล่นท้องถิ่น หรือ Homegrown ที่จะยิ่งสำคัญขึ้นหลัง Brexit ที่ทำให้อังกฤษได้ออกจากการเป็นสมาชิกของ EU แล้ว ตรงนี้จะทำให้มูลค่าของนักฟุตบอลท้องถิ่นเพิ่มขึ้นไปอีก

 

  • แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับแมนฯ ซิตี้ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการผ่อนปรนในกฎการเงิน Financial Fair Play เป็นกรณีพิเศษจากผลกระทบของโควิดต่อทุกสโมสรของยุโรป ซึ่งหากไม่รีบคว้าตัวกรีลิชในช่วงเวลานี้ อนาคตก็อาจจะเป็นเรื่องลำบากมากขึ้น

 

  • ดังนั้นต่อให้ต้องจ่าย 100 ล้านปอนด์ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่จะคุ้มหรือไม่คุ้มอยู่ที่ผลงานที่กรีลิชจะตอบแทนทีม

 

  • เรื่องบังเอิญที่น่าสนใจคือ เกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกในชีวิตของกรีลิช คือการพบกับแมน​ฯ ซิตี้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ปี 2014

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising