เบนนี แกนตซ์ สมาชิกคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล แถลงวานนี้ (18 กุมภาพันธ์) เตือนว่าจะเริ่มต้นปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินทั่วทุกพื้นที่ของฉนวนกาซา รวมถึงเมืองราฟาห์ เมืองสำคัญทางใต้สุดของกาซา ที่มีผู้อพยพปาเลสไตน์อาศัยอยู่กว่า 1.5 ล้านคน ภายในวันที่ 10 มีนาคม หรือก่อนเริ่มต้นเดือนถือศีลอดรอมฎอน หากกลุ่มฮามาสยังไม่ยอมปล่อยตัวประกันทั้งหมด
ท่าทีดังกล่าวของอิสราเอลถือเป็นครั้งแรกที่ประกาศเตรียมบุกเมืองราฟาห์ ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากทั่วโลก
โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (17 กุมภาพันธ์) เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เผยว่า การโจมตีภาคพื้นดินในราฟาห์จะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่อนุญาตให้พลเรือนอพยพออกจากเมือง
ขณะที่เขาชี้ว่าการพยายามหยุดปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลนั้นเทียบเท่ากับการบอกให้อิสราเอลแพ้สงครามต่อกลุ่มฮามาส พร้อมเผยว่ากองทัพอิสราเอลจะยุติปฏิบัติการในเมืองข่านยูนิส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อีกแห่งทางใต้ของกาซาในไม่กี่วันนี้ ดังนั้นผู้คนที่อพยพออกจากราฟาห์จะสามารถเดินทางไปยังเมืองแห่งนี้ได้
ก่อนหน้านี้อิสราเอลได้ส่งกำลังทหารปฏิบัติการบุกโรงพยาบาลนาสเซอร์ ในเมืองข่านยูนิส โดยอ้างข้อมูลข่าวกรองว่ากลุ่มฮามาสจับตัวประกันไว้ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งต่อมาองค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ระงับการรับรักษาผู้ป่วยแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ของ WHO ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไปที่โรงพยาบาลเพื่อประเมินสถานการณ์
แผนผลักชาวปาเลสไตน์เข้าอียิปต์?
แถลงการณ์ของแกนตซ์ยังมีการระบุถึงอียิปต์ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าอิสราเอลอาจคาดหวังให้มีการอพยพชาวปาเลสไตน์บางส่วนข้ามพรมแดนไปยังอียิปต์หรือไม่ แต่ยังไม่มีการยืนยันถึงแผนการที่แน่ชัดในเรื่องนี้
โดยอียิปต์เตือนว่าการบุกเมืองราฟาห์เสี่ยงที่จะผลักดันชาวปาเลสไตน์จำนวนมากเข้าสู่อียิปต์ ซึ่งพวกเขาไม่อาจยอมรับได้ ขณะที่ซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นว่าจะมีการตอบโต้อย่างร้ายแรงหากอิสราเอลบุกภาคพื้นดินในราฟาห์
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอียิปต์ถือเป็นตัวกลางเจรจาสำคัญระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส รวมถึงการเจรจาครั้งล่าสุดในกรุงไคโรเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่ผู้แทนของกาตาร์ อีกหนึ่งตัวกลางไกล่เกลี่ยที่สำคัญ เผยว่าการเจรจายังไม่มีความคืบหน้ามากนัก
โดยผู้แทนเจรจาของอิสราเอลมองว่าข้อเรียกร้องของกลุ่มฮามาสเพื่อแลกกับการหยุดยิงนั้นเป็นเพียง ‘ภาพลวงตา’ ขณะที่ฮามาสกล่าวโทษอิสราเอลว่าขาดความพยายามที่จะเดินหน้าบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
ภาพ: REUTERS / Ibraheem Abu Mustafa
อ้างอิง: