อิสราเอล-ปาเลสไตน์เห็นพ้องแนวทางลดความขัดแย้ง หลังร่วมประชุมหารือที่จอร์แดน

ผู้แทนอิสราเอลและปาเลสไตน์เห็นพ้องถึงแนวทางลดความขัดแย้ง หลังร่วมประชุมหารือที่จอร์แดนเมื่อวานนี้ (26 กุมภาพันธ์) โดยมีผู้แทนจากสหรัฐอเมริกาและอียิปต์เข้าร่วมด้วย ซึ่งทั้งหมดจะประสานความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

ภายในแถลงการณ์ร่วม อิสราเอลให้คำมั่นว่าจะระงับการหารือเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานใหม่ในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครองเป็นระยะเวลา 4 เดือน และระงับการอนุมัติการจัดตั้งถิ่นฐานเพิ่มเติมในพื้นที่ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 6 เดือน

โดยการประชุมในครั้งนี้มีขึ้นภายหลังจากเหตุปะทะกันอย่างต่อเนื่องของอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าการใช้ความรุนแรงอาจเพิ่มสูงขึ้นในช่วงรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

ขณะที่จอร์แดน ประเทศเจ้าภาพจัดการประชุม รวมถึงผู้สังเกตการณ์อย่างสหรัฐฯ และอียิปต์ ต่างมองว่าความตกลงที่เกิดขึ้นนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการฟื้นฟูและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมหารือกันอีกครั้งที่เมืองชาร์มเอลชีคของอียิปต์ในเดือนมีนาคมนี้

ทางด้านกลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮามาสที่ปกครองเขตเวสต์แบงก์ประณามการกระทำของทางการปาเลสไตน์ที่ตัดสินใจเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว พร้อมทั้งชี้ว่าการประชุมในครั้งนี้ไร้ค่าและไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรแต่อย่างใด

ขณะที่ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ชี้ว่า การตัดสินใจเข้าร่วมการประชุมที่อัลอะเกาะบะฮ์ของจอร์แดนในครั้งนี้เกิดขึ้นจากแรงปรารถนาที่อยากจะยุติเหตุนองเลือดที่มีมาอย่างยาวนาน

ส่วน เบซาเลล สมอทริช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอิสราเอล ผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อการอนุมัติการตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์ชี้ว่า เขาจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่เกิดขึ้นภายในที่ประชุม พร้อมทวีตข้อความระบุว่า “ผมไม่ทราบว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกันที่จอร์แดน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้คือ จะไม่มีการยุติการตั้งถิ่นฐานแม้แต่วันเดียว (ประเด็นนี้อยู่ภายใต้อำนาจของผม)”

อีกทั้งการกลับขึ้นมาบริหารประเทศอีกครั้งของผู้นำฝ่ายขวาจัดของอิสราเอลอย่างนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ก็ทำให้บรรดาชาติในอาหรับต่างแสดงความกังวลว่าสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์จะยิ่งทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

โดยก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้แสดงท่าทีกังวลใจและผิดหวังต่อการตัดสินใจตั้งถิ่นฐานในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง นับเป็นท่าทีเชิงประณามอิสราเอลครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากที่อิสราเอลเริ่มค่อยๆ ยึดครองพื้นที่บางส่วนของเขตเวตส์แบงก์ รวมถึงเยรูซาเล็มตะวันออกและฉนวนกาซา ตั้งแต่ปี 1967 ในสงคราม 6 วัน ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ล้วนเป็นดินแดนที่ปาเลสไตน์ต้องการจะให้เป็นแผ่นดินของรัฐหรือประเทศในอนาคต

ปัจจุบันพื้นที่เขตเวสต์แบงก์เป็นที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์ราว 2.9 ล้านราย และมีชาวอิสราเอลเข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวราว 475,000 ราย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดขวางแนวทางสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

ภาพ: Sarawut Aiemsinsuk / Shutterstock

อ้างอิง: