ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทสหรัฐฯ ในรอบสัปดาห์นี้ได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่างชัดเจน เห็นได้จากการซื้อขายที่ค่อนข้างผันผวนตลอดทั้งวัน ก่อนจะปิดตลาดปรับตัวในแดนลบ สะท้อนให้เห็นได้ว่านักลงทุนยังคงวิตกกังวลกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed มากกว่าจะพิจารณาข่าวดีเรื่องการฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับปรับตัวลดลง 7.31 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 34,160.78 จุด ด้านดัชนี S&P 500 ปรับลดลง 23.42 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 4,326.51 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 189.34 จุด หรือ 1.40% ปิดที่ 13,352.78 จุด
รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากวันก่อนหน้าของตลาดวอลล์สตรีท มีขึ้นหลังจากที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ส่งสัญญาณชัดเจนเมื่อวันพุธ (26 มกราคม) ระบุว่า Fed มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม หลังจากสิ้นสุดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (27 มกราคม) ดัชนีตลาดมีการขยับปรับขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้แม้จะปิดตลาดในแดนลบ แต่ก็เป็นการปิดตลาดในกรอบที่แคบลงกว่าวันก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากรายงานสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่บ่งชี้ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศว่ามีการขยายตัว 5.7% ในปี 2564 และเฉพาะในไตรมาสที่ 4 มีการขยายตัวถึง 6.9% ถือเป็นอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1984
ความกังวลเรื่องนโยบายดอกเบี้ยของ Fed ยังดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับแข็งค่าขึ้นจนแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2564 โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นยังมีผลฉุดให้ราคาทองคำร่วงลงไปด้วย
ราคาทองคำเมื่อวานนี้ (27 มกราคม) ขยับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ทำให้ราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 36.60 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,793.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ขณะที่ราคาน้ำมันขยับปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 74 เซนต์ ปิดที่ 86.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 62 เซนต์ ปิดที่ 89.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ยังคงมีอยู่ ทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันในระยะยาวยังมีโอกาสพุ่งเกิน 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ทุกเมื่อ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่าความเคลื่อนไหวของตลาดสะท้อนให้เห็นอิทธิพลนโยบายของ Fed ที่สามารถฉุดการซื้อขายของนักลงทุนให้เบาบางลง โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นสัปดาห์ ดัชนีทั้ง 3 ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เพิ่งจะขยับปรับขึ้นได้ราว 2% โดยเฉพาะดัชนี S&P 500 ที่เริ่มต้นปี 2565 ด้วยสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อ้างอิง:
