ความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มประกันในวันนี้ (13 มิถุนายน) ถือเป็นกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับภาพรวมของตลาดหุ้นไทยซึ่งปรับตัวลดลงกว่า 20 จุด หรือลดลง 1.4% ขณะที่กลุ่มประกันสามารถปรับตัวขึ้นได้ราว 2.7% ขณะที่บอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ล่าสุด พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.21% สูงสุดในรอบ 5 ปี
โดยหุ้นในกลุ่มที่วิ่งขึ้นร้อนแรงในวันนี้ ได้แก่ บมจ.บางกอกสหประกันภัย (BUI) +29.31%, บมจ.เคดับบลิวไอ (KWI) +18.75% ขณะที่หุ้นหลักในกลุ่ม ได้แก่ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA), บมจ.ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH), บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล (AYUD), บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (TVI), บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) ต่างปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 3-5% จากวันก่อนหน้า
กรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพใหญ่ของกลุ่มประกันได้แรงหนุนจากบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ เร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะที่บอนด์ยีลด์ของไทยก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นตาม
โดยหลักแล้วการพุ่งขึ้นของบอนด์ยีลด์จะส่งผลบวกต่อธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งปีนี้น่าจะกลับมาดีขึ้นได้ หลังจากถูกกดดันมาต่อเนื่อง 3-4 ปี จากทิศทางดอกเบี้ยขาลงก่อนหน้านี้
“ดอกเบี้ยขาขึ้นจะดีต่อประกันชีวิตโดยเฉพาะในด้านพอร์ตลงทุน ซึ่งส่วนมากจะลงทุนในตราสารหนี้เรตติ้งดี ซึ่งผลตอบแทนจะล้อไปกับบอนด์ยีลด์ และในอีกด้านหนึ่งคือการตั้งสำรองของประกันชีวิตจะลดลงในระยะยาว เนื่องจากหนี้สินที่ถูกตีมาเป็นมูลค่าปัจจุบันจะมีมูลค่าน้อยลง เนื่องจากอัตราคิดลดที่สูงขึ้น”
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยให้อัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (CAR Ratio) ของธุรกิจประกันชีวิตสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ก็เป็นบวกต่อกลุ่มประกันด้วยเช่นกัน เพราะโดยปกติแล้วกลุ่มประกันจะเติบโตไปตาม GDP ซึ่งในปีนี้สมาคมประกันคาดว่ามูลค่าเบี้ยรับของอุตสาหกรรมจะเติบโตขึ้นได้ 5%
กรกชกล่าวต่อว่า BLA เป็นหุ้นประกันที่น่าสนใจ หากพิจารณาจากมูลค่า Embedded Value ในปี 2564 อยู่ที่ 39.9 บาท ซึ่งตัวเลขนี้เป็นมูลค่าของธุรกิจประกันชีวิตทั้งหมด โดยประเมินจากเบี้ยที่ขายไปก่อนหน้านี้และไม่ทำธุรกิจต่ออีกเลย ราคาหุ้นต่ำสุดของ BLA ควรจะอยู่ที่ 39.9 บาท ซึ่งในอดีต BLA เคยเทรดที่ระดับ 1.3-1.5 เท่า หมายความว่าราคาหุ้นของ BLA ควรจะอยู่ที่ราว 52-60 บาท
“ปัจจุบัน BLA เทรดที่ 42.5 บาท ถือว่ายังไม่แพงนัก และปัจจุบันนักลงทุนก็เริ่มมองเห็นมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันไม่มีหุ้นให้เลือกมากนัก ส่วนหุ้นประกันภัยอื่นๆ ที่วิ่งขึ้นมาพร้อมกัน ส่วนตัวมองว่าไม่ได้ประโยชน์มากนักจากบอนด์ยีลดขาขึ้น เพราะพอร์ตลงทุนของประกันภัยมักจะอายุสั้น แต่ประกันภัยก็เป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง”
นอกจากนี้ กรกชมองว่า หุ้นกลุ่มประกันอาจได้ Sentiment บวกจากการที่ บมจ.ไทยประกันชีวิต (TLI) กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยคาดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
ด้าน กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า หุ้นกลุ่มประกันโดยภาพรวมจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งดอกเบี้ยของไทยก็น่าจะขยับขึ้นในปีนี้เช่นกัน จากเดิมที่ตลาดคาดว่าอาจจะเริ่มขึ้นในปีนี้ ในส่วนนี้จะช่วยให้การตั้งสำรองของประกันลดลง และสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น
“ประกันชีวิตจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะพอร์ตการลงทุนของประกันภัยจะไม่ได้ยาวเท่า แต่โดยรวมก็น่าจะไปในทิศทางเดียวกัน”
