×

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/67เริ่มฟื้นตัว จากอานิสงส์การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ชี้การลงทุนภาครัฐและเอกชนหนุนเศรษฐกิจไทยโต 3%

28.03.2024
  • LOADING...

คาด SET Index สิ้นปี 2567 ไว้ที่ 1,550 จุด

 

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เรือธงด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ประเมินว่าช่วงเวลาที่ยากที่สุดในรอบปีกำลังจะผ่านไปในช่วงไตรมาส 1/67 โดยประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2/67 และดีขึ้นตามลำดับในครึ่งหลังปี 2567 ตามที่เคยประเมินไว้ช่วงต้นปีนี้ จากโอกาสในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณของไทยที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากการเบิกจ่ายทำได้ดีและมีประสิทธิภาพ เราประมาณการเติบโต GDP ของไทยจะขยายตัวได้ 3.0% จากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น แต่หากการเบิกจ่ายต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5% ซึ่งหากเป็นกรณีหลังประเมินว่า ธปท. อาจสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด ชี้เป้าหุ้นเด่นไตรมาส 2 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ได้แก่ AOT, GFPT, GULF, KCE และ SCGP

 

สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “เศรษฐกิจโลกในไตรมาส 2/67 มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Global Soft Landing) แม้ว่าอัตราการเติบโตจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ อยู่ในทิศทางชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ในส่วนของเศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน โดยหากเศรษฐกิจจีนเติบโตตามแผนของรัฐบาล จะส่งผลบวกต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของเอเชียโดยเฉพาะไทย ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการเบิกจ่ายภาครัฐเป็นหลัก ในขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นอีกปัจจัยที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/67 โดยประเมิน SET Index เป้าหมายที่ 1,550 จุด แนะนำกลุ่มพาณิชย์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มขนส่ง และกลุ่มสาธารณูปโภค”

 

ด้านสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “แนะให้จับตาราคาน้ำมันดิบที่เร่งตัวขึ้นมาล่าสุด เนื่องจากอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงช้ากว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางต้องการ เนื่องจากจะมีผลต่อแผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบเร่งตัวขึ้น เนื่องจากอัตราการขยายตัวของอุปสงค์ที่แข็งแรงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งกว่าคาด รวมถึงมาตรการลดการผลิตของ OPEC+ ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ตลาดน้ำมันที่อยู่ในภาวะอุปทานขาดแคลนได้ สำหรับประเด็นเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นล่าสุด ประเมินว่า Fed มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน และลดเป็นจำนวน 3-4 ครั้งในปีนี้ ด้าน ECB มีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยก่อน Fed โดยคาดการณ์ว่า ECB จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน และลดเป็นจำนวน 4 ครั้ง เช่นกัน ด้าน ธปท. คาดว่าอาจเริ่มเห็นการลดดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนเมษายนและมิถุนายน เนื่องจากเศรษฐกิจยังเปราะบาง” 

 

ขณะที่สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยถึงกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 2/67 ว่า กลยุทธ์การลงทุนของเราคือโฟกัสไปที่หุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดไปแล้วและเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุน (Rotation) จากตลาดเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว (Developed Market) ไปยังตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และเม็ดเงินลงทุนใหม่จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม Non-Tech และกลุ่มวัฏจักรมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยกลุ่มเทคโนโลยียังมีความน่าสนใจอย่าง TSMC, ASML, Microsoft และ Alphabet ในขณะที่ Non-Tech และกลุ่มวัฏจักรได้แก่ Airbus, Home Depot, Pfizer, Walt Disney, China Mobile, Baidu และ CATL”

 

สำหรับตลาดหุ้นไทยประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด แนะจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,400 จุด ผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 12% ชี้เป้าหุ้นเด่นไตรมาส 2/67 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย มีฐานะการเงินและกระแสเงินสดที่ดี ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน และได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของวงจรการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการเบิกจ่ายงบประมาณ ได้แก่ AOT, GFPT, GULF, KCE และ SCGP

 

“สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว เรายังแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost-Averaging) เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังถือว่าฟื้นตัวช้ากว่าตลาดหุ้นภูมิภาค ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ Undervalue มาก เราคาดว่า SET Index จะยังคงมีความผันผวน การลงทุนแบบ DCA ในช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุด เนื่องจากความเสี่ยงลดลงไปมากและโอกาสทำกำไรในอนาคตค่อนข้างสูง โดยเกณฑ์การพิจารณาหุ้นสำหรับ DCA เข้าพอร์ตควรเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี ราคา Undervalue มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ BBL, BDMS, BEM, CPALL, PTT และ SCC นอกจากนั้น เรายังมีคำแนะนำสำหรับพอร์ตการลงทุนแบบ 2 สัปดาห์ (Bi-weekly Portfolio) และหุ้นเด่นประจำวัน (Daily Top Picks)” สุกิจกล่าวเสริม  

 

พยนต์ พงศาวรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานฝ่าย Wealth Products and Strategy บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยมุมมองด้านการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ว่า “การลงทุนรายสินทรัพย์ในไตรมาส 2 เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้ ซึ่งนอกจากจะมีอัตราผลตอบแทนในปัจจุบันที่น่าสนใจ ประกอบกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะเป็นผลบวกต่อราคาตราสารหนี้แล้ว ยังถือเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้ด้วยเช่นกัน โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงการลงทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสินทรัพย์ในระดับต่ำ แนะนำกองทุน UGIS-N ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก ในขณะที่ตราสารทุน เราปรับมุมมองการลงทุนต่อหุ้นสหรัฐฯ จากระดับระมัดระวังขึ้นมาเป็นระดับเป็นกลาง (Neutral) โดยถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัว แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มผลการดำเนินงานพบว่ามีการปรับประมาณการกำไร (Earning Revision) ขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับหุ้นในตลาดเกิดใหม่โดยภาพรวมถึงแม้ว่าจะมีมูลค่าหุ้น (Valuation) อยู่ในระดับที่น่าสนใจ แต่เรายังแนะนำให้เลือกลงทุนเฉพาะบางตลาดที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว และ Valuation ยังไม่ได้แพงมากเกินไป เช่น ตลาดหุ้นไทย เวียดนาม และเกาหลีใต้ แนะนำกองทุน TISCOHD-A ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ปันผลสูงคุณภาพ ผสมผสานกับกองทุน ASP-SME-A ลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางขนาดเล็กเติบโตสูง กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพในการเป็นผู้ชนะในระยะยาว สอดคล้องไปกับการเติบโตเชิงโครงสร้าง และกองทุน SCBKEQTG ลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้ อาทิ Samsung ผู้ผลิตเมโมรีชิปอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งได้ประโยชน์จากการส่งออกในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่เติบโต โดยการลงทุนในกองทุนไทยเหล่านี้นอกจากจะช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตแล้ว นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีต่างประเทศอีกด้วย”

 

สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในตลาดต่างประเทศและสินทรัพย์อื่นๆ สามารถติดตามบทวิเคราะห์และกลยุทธ์การลงทุนจาก InnovestX ที่ครอบคลุมหลากหลายกลยุทธ์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว สามารถเลือกลงทุนได้ตามกลยุทธ์ของตนเอง สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่ www.innovestx.co.th และ Facebook: InnovestX 

 

#InnovestX #InnovestXResearch #จักรวาลการลงทุนในมือคุณ

 

*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

*กองทุนรวมมีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนสามารถขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.innovestx.co.th

*ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

FYI

เกี่ยวกับบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

 

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX Securities Co., Ltd. (ชื่อย่อ INVX)) บริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 ปัจจุบันให้บริการการลงทุนทุกรูปแบบ ได้แก่ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน ตราสารหนี้ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านผู้แนะนำการลงทุน และแพลตฟอร์ม ‘InnovestX Super App’ พร้อมวางรากฐานเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบนิเวศอุตสาหกรรม การเงินและการลงทุนแห่งอนาคต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลในอาเซียน www.innovestx.co.th

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X