×

หุ้นอินเดียคือ ‘อนาคต’ แต่อาจไม่ใช่คำตอบของการลงทุนในอีก 12 เดือนข้างหน้า

13.02.2023
  • LOADING...

อินเดียคือประเทศที่ถูกคาดหมายว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ร้อนแรงมากที่สุดในปีนี้ โดย IMF คาดการณ์ว่าจะเห็นการเติบโตในระดับ 6.1% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เติบโต 6.8% 

 

การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจอินเดียในระยะหลังส่งผ่านอานิสงส์มายังตลาดหุ้นอินเดียด้วยเช่นกัน โดย 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นที่สำคัญของอินเดียทั้ง 2 ตลาด คือ Nifty50 และ BSE Sensex ปรับตัวขึ้นประมาณ 46% 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นติดต่อกันมาหลายปีทำให้หุ้นอินเดียเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในปีนี้อาจจะไม่ได้น่าสนใจมากนัก และในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ตลาดหุ้นอินเดียก็อ่อนแอกว่าตลาดหุ้นโลกพอสมควร 

 

อรุณ ปาวา ผู้ช่วยรองประธานกรรมการกลยุทธ์การลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ปีที่แล้วดัชนีหลักของอินเดีย ทั้ง Sensex 30 และ Nifty50 เพิ่มขึ้นประมาณ 5.7% และถ้าดูย้อนหลังไป 5 ปี ดัชนี Sensex 30 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 13.6% ต่อปี ส่วน Nifty50 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.9% ต่อปี 

 

“ปีก่อนหุ้นโลกติดลบเกือบทั้งหมด แต่อินเดียบวกได้ ที่ผ่านมารีเทิร์นของหุ้นอินเดียอาจจะดี แต่คำถามที่สำคัญคือตอนนี้แพงไปหรือยัง”

 

อรุณกล่าวต่อว่า มูลค่า (Valuation) ของหุ้นอินเดียหากพิจารณาจากค่า P/E ของทั้ง 2 ดัชนีจะเห็นว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง ส่วน Sensex 30 มี P/E 22.8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 23.1 เท่า ส่วนดัชนี Nifty50 มี P/E 21.6 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 22.5 เท่า ขณะที่ค่า P/BV เองก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีตเช่นกัน 

 

ในมุมของ Valuation หุ้นอินเดียอาจไม่ได้แพง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ถูกแล้ว ส่วนมุมของการเติบโตของกำไรต่อหุ้น ทั้ง Nifty50 และ Sensex 30 มีแนวโน้มว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรปีนี้ในระดับ 10.1% และ 9.6% ตามลำดับ และปี 2024 ก็มีแนวโน้มว่าจะเติบโตได้ถึง 16.3% และ 18% ตามลำดับ 

 

“จะเห็นว่าการเติบโตของอินเดียทั้งในแง่กำไรและเศรษฐกิจตรงข้ามกับตลาดฝั่งตะวันตกอย่างชัดเจน แต่ด้วย Valuation ทำให้หุ้นอินเดียตอนนี้อาจไม่เหมาะกับการลงทุนเพื่อคาดหวังผลตอบแทนในอีก 12 เดือนข้างหน้า” 

 

นอกจากเรื่องของ Valuation หุ้นอินเดียยังมีประเด็นความเสี่ยงจากกรณีของ Adani Group ซึ่งอาจจะไม่กระทบต่อพื้นฐานของเศรษฐกิจอินเดียหรือกำไรของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ แต่สิ่งที่กระทบคือความมั่นใจของนักลงทุนที่หายไป เนื่องจาก Adani เป็นบริษัทขนาดใหญ่ และเจ้าของอย่าง โกตัม อดานี ก็ค่อนข้างใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี 

 

ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติ คือความล่าช้าของหน่วยงานกำกับในการเข้ามาสอบสวนประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัย รวมทั้งข้อกล่าวหาบางอย่างที่ดูเหมือนจะมีมูลความจริง เช่น การทำธุรกรรมกับบุคคลในครอบครัวโดยไม่เปิดเผย หรือการถือหุ้นในสัดส่วนเกินกว่าเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. ของอินเดียกำหนด

 

“ในมุมของเรา หุ้นจีนน่าสนใจกว่าอินเดีย แต่หากเป็นการลงทุนระยะยาว 5-10 ปี โดยอาจใช้กลยุทธ์ทยอยซื้อ (DCA) คงไม่มีปัญหา” 

 

อุตสาหกรรมของอินเดียที่น่าจะเติบโตดีในระยะยาวน่าจะเป็นธุรกิจที่อิงกับกำลังซื้อในประเทศ อินเดียยังเป็นประเทศที่ประชากรเติบโต แต่ตัวเลข GDP per capita ยังค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศจีนที่มีประชากรใกล้เคียงกัน นอกจากนี้อินเดียยังได้อานิสงส์จากการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Apple เริ่มกระจายฐานการผลิตเข้าไปในอินเดีย 

 

ด้านความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตาหลังจากนี้ นอกจากกรณีของ Adani ที่อาจลุกลาม ยังมีเรื่องของอัตราการว่างงานที่ยังสูง เนื่องจากตำแหน่งงานในอินเดียเพิ่มขึ้นไม่ทันกับจำนวนแรงงานในอินเดีย

 

ทั้งนี้ มีรายงานออกมาว่าธุรกิจในเครือของ Adani ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของรายได้ในปีนี้ลงจาก 40% มาเหลือ 15-20% พร้อมปรับลดเงินลงทุนที่จะใช้ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทต้องการสำรองเงินสดและชำระคืนหนี้

 

ด้าน The New York Times ระบุว่าการสูญเสียมูลค่ากิจการของเครือ Adani ไปมากถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ อาจไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจอินเดีย แม้ว่า Adani Group จะถูกเรียกโดย Hindenburg Research ว่าเป็น ‘การหลอกลวงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเงิน’ แต่ขณะเดียวกัน Hindenburg ก็มองว่าอินเดียเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีอนาคตที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก

 

‘จิตตะ เวลธ์’ เชื่อปัญหา Adani ไม่ลุกลาม

 

ด้าน ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.จิตตะ เวลธ์ มองว่าโอกาสการลงทุนในอินเดียยังเปิดกว้างสำหรับนักลงทุนไทย เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง มีประชากรมากที่สุดในโลกตามประมาณการขององค์การสหประชาชาติ และได้อานิสงส์อย่างมีนัยสำคัญจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก 

 

การย่อตัวของตลาดหุ้นอินเดียในเวลานี้เป็นผลมาจากกลุ่มบริษัท Adani อย่างไรก็ตาม Adani พยายามลบข้อคำกล่าวหาในความไม่โปร่งใสของงบการเงินด้วยการเตรียมว่าจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีระดับ Big 4 เข้ามาตรวจบัญชีทั้งหมดของกลุ่มบริษัท เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน สะท้อนว่าบริษัทต้องมั่นใจในงบการเงินและบัญชีของบริษัท

 

เรามองว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่ขยายวงกว้างกลายเป็นวิกฤต และหากมีปัญหาจริง รัฐบาลอินเดียอาจจะต้องเข้ามาเพื่อพยุงไม่ให้บริษัทล้ม ป้องกันการเกิดปัญหาลุกลามในวงกว้าง 

 

“การลงทุนในประเทศกำลังพัฒนามีโอกาสทำกำไรจากการเติบโตในระดับสูง แต่ก็มักจะเผชิญกับปัญหาความไม่โปร่งใสในด้านต่างๆ ซึ่งวิธีการลงทุนที่ดีในประเทศกำลังพัฒนาคือการกระจายความเสี่ยง เมื่อมีการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม การปรับร่วงแรงของหุ้นตัวใดตัวหนึ่งจะไม่กระทบต่อการลงทุนโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ”

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising