เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ศาลฎีกานิวยอร์กได้มีคำสั่งตัดสินให้ Uber และ Lyft สองยักษ์ใหญ่ในวงการไรด์เฮลลิงเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ จากกรณีที่ก่อนหน้านี้เมืองนิวยอร์กได้ออกกฎข้อจำกัดควบคุมการนำรถของผู้ให้บริการไรด์เฮลลิงออกวิ่งในเมืองรอรับผู้โดยสารในช่วงเวลาเร่งด่วน (กรณีไม่มีผู้โดยสารในรถ) เพราะมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาการจราจรแออัด
ผู้พิพากษา Lyle Frank ให้เหตุผลการยกประโยชน์ให้กับ Uber และ Lyft โดยมองว่าการตัดสินใจออกกฎดังกล่าวของเมืองนิวยอร์กเกิดขึ้นโดย ‘พลการ’ และนับเป็นการกระทำตามอำเภอใจ ทั้งยังชี้ให้เห็นว่าคำนิยามของ ‘Cruising’ (การขับรถเคลื่อนไปช้าๆ) ที่เมืองนิวยอร์กกล่าวอ้างไม่มีพื้นฐานที่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะการคำนวณว่าคนขับแต่ละคนเสียเวลาไปเท่าไรกับการรอรับผู้โดยสารผ่านแอปฯ
อย่างไรก็ดี โฆษกประจำนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์กระบุว่า พวกเขากำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการศึกษาตัวเลือกทางกฎหมายรวมถึงการเตรียมยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากการออกกฎดังกล่าวเป็นไปเพื่อปกป้องบรรดาคนขับที่ต้องทำงานหนักและพลเมืองในนิวยอร์ก
“บริษัทเหล่านี้เพิ่มจำนวนรถบนถนนของเราให้แออัด ในจำนวนนี้มีรถมากถึง 40% ที่อยู่บนท้องถนนโดยไร้ผู้โดยสารและขวางทางการจราจร รถกว่า 85,000 คันเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับสภาพแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญเฉกเช่นที่มันได้นำความปวดหัวมาให้กับชาวเมืองนิวยอร์ก เราออกกฎนี้ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องคนขับและชาวนิวยอร์ก และเราก็จะสู้เพื่อพวกเขาต่อไป” โฆษกประจำนายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์กกล่าวผ่านแถลงการณ์ในอีเมล
ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคมเมืองนิวยอร์กได้ออกกฎดังกล่าวเพื่อกำหนดระยะเวลาที่คนขับรถของ Uber และ Lyft จะสามารถนำรถออกวิ่งมารับผู้โดยสารในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อตั้งเป้าลดปัญหาการจราจรแออัด โดยเฉพาะในย่านแมนฮัตตันที่มีการเรียกใช้บริการรถไรด์เฮลลิงและไรด์แชร์ริงอย่างแพร่หลาย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า