กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2020 เหลือ 3.3% จาก 3.4% ในรายงานฉบับก่อน แต่ระบุว่าเศรษฐกิจทั่วโลกยังอยู่ในทิศทางการฟื้นตัวในระดับปานกลาง โดยคาดว่าปี 2021 ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของโลกจะเติบโตที่อัตรา 3.4% พร้อมเตือนว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change จะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
รายงาน World Economic Outlook (WEO) ฉบับล่าสุดระบุว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้ว ดังนั้น IMF จึงปรับลดประมาณการการขยายตัวของ GDP โลกลง 0.1% เหลือ 2.9% ในปี 2019
อย่างไรก็ตาม IMF คาดว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้ เนื่องจากความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และปัญหาการแยกตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป (EU) แบบไร้ข้อตกลง (No-deal Brexit) กำลังคลี่คลายลง ทว่าอัตราการเติบโตที่ทำนายนี้ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับระดับที่เคยขยายตัวถึง 5.5% ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2006
IMF ระบุว่า สัญญาณเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่อย่างอินเดีย และปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในหลายประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ IMF หั่นคาดการณ์การขยายตัวของ GDP โลกในปี 2020 ลง 0.1% เหลือ 3.3% จากระดับ 3.4% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตในปี 2021 ลง 0.2% เหลือ 3.4%
“ดีมานด์ในประเทศอินเดียชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเกิดภาวะตึงตัวในภาคการเงิน และการขยายตัวที่ช้าลงของสินเชื่อ ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจเม็กซิโก ชิลี และแอฟริกาใต้ มีแนวโน้มชะลอตัวลง” IMF ระบุ
นอกจากนี้ IMF ยังเตือนว่า เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความเสี่ยงจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้นทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ออกมาตรการลดการปล่อยคาร์บอน และผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ภาพ: ShutterStock
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: