หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดป๊อปอัพไปเมื่อปี 2018 ล่าสุด เชฟแอนเดรียส คามินาดา (Andreas Caminada) จากห้องอาหาร Schloss Schauenstein เจ้าของมิชลินสตาร์ 3 ดาวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้หอบหิ้วห้องอาหาร IGNIV ที่เพิ่งคว้า 2 ดาวมิชลินสตาร์ไปหมาดๆ มาเปิดตัวที่กรุงเทพฯ อย่างถาวร โดยที่ยังยึดคอนเซปต์ ‘ไฟน์ไดนิ่งแบบแชริ่ง’ ตามรอยสาขาดั้งเดิม
IGNIV Bangkok นับเป็นห้องอาหารแรกในเครือ IGNIV ที่เปิดนอกประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากที่เชฟเคยมาเยือนเมืองไทยและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากนักกิน การมาครั้งนี้อย่างถาวรจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจใดๆ แต่สิ่งที่ต่างไปจากห้องอาหารในสวิตเซอร์แลนด์ ได้แก่ การปรับใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมากขึ้น รวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ซึ่งมีข้อได้เปรียบในแง่ความสดใหม่และรสชาติที่ดีเยี่ยมกว่าผลผลิตนอกฤดูกาล หลายจานจึงมีกลิ่นอายของความเป็นเอเชียสอดแทรกอยู่ในจานตะวันตก เช่น การใช้สมุนไพรที่เราคุ้นลิ้น การหยิบผลไม้เมืองร้อนอย่างมะปราง หรือแม้แต่การใช้ซอสเปรี้ยวอย่างพอนสึในจานอาหาร
แต่สิ่งที่นับเป็นประสบการณ์ใหม่ของการมาเยือนห้องอาหารแห่งนี้ ต้องยกให้การเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดนิ่งในสไตล์แชริ่งที่ชาวไทยคุ้นเคยดี เพราะแม้อาหารจะเสิร์ฟเป็นเมนูเซต ไล่เลียงตั้งแต่ Small Appetizer, Appetizer ซุป เรื่อยไปจนถึงจานหลัก ทุกจานล้วนมาในหนึ่งจานใหญ่ให้ลูกค้าได้แบ่งกันคนละคำ (หรือสองคำ) คล้ายการกินอาหารเป็นสำรับของครัวไทย ที่เรียกได้ว่าแปลกและไม่ค่อยพบเห็นในห้องอาหารระดับนี้
นอกจากนี้หลังเสร็จสิ้นจากจานขนมหวานในเซตเมนูแล้ว ทางร้านยังได้จัดเตรียมมุมพิเศษที่มีขนมเรียงราย เช่น มาการอง บราวนี คานาเล ฯลฯ ให้ลูกค้าได้หยิบใส่ถุงที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ เพื่อนำกลับไปกินต่อที่บ้านหรือมอบเป็นของฝากได้อีกด้วย ซึ่งความพิเศษต่อที่สองคือ เราสามารถหยิบได้ไม่จำกัดจำนวนชิ้น ซึ่งถือเป็นกิมมิกที่นักกินสายขนมหวานต้องชื่นชอบ
แต่ตอนนี้ขอให้อดใจไว้ก่อน เพราะ IGNIV Bangkok by Andreas Caminada จะเปิดทำการที่โรงแรม The St. Regis Bangkok ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
ภาพ: IGNIV Bangkok
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า