×

เจาะเบื้องลึก BYD กวาดรายได้แสนล้านดอลลาร์ แซงหน้า Tesla แม้ไม่โลดแล่นในตลาดใหญ่สหรัฐฯ แต่กำลังทิ้งห่างคู่แข่งไปหลายก้าว

26.03.2025
  • LOADING...

ท่ามกลางการแข่งขันอุตสาหกรรมยานยนต์ สงครามราคา EV ปี 2024 BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน กวาดรายได้ทั่วโลกทะลุแสนล้านดอลลาร์ครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่แซงหน้า Tesla โดยนักวิเคราะห์ระบุแม้ BYD ไม่สามารถเจาะตลาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ แต่วางกลยุทธ์ด้วยการเจาะกลุ่มตลาดเกิดใหม่ แข่งด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ทำให้เริ่มทิ้งห่างคู่แข่งมากขึ้น 

 

รายงานข่าวจาก CNN รายงานว่า BYD ค่ายรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน กวาดรายได้ในปี 2024 ที่ 7.77 แสนล้านหยวน หรือ 1.07 แสนล้านดอลลาร์ โดยส่งมอบรถทั้งหมดรวม EV ล้วนและไฮบริด 4.27 ล้านคัน ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 29% 

 

ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Tesla ทำรายได้ 9.77 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งมอบรถทั้งหมด 1.79 ล้านคัน และปีที่แล้วถือว่าลดลงเป็นครั้งแรกอีก -1.1% 

 

 

Wang Chuanfu ซีอีโอ ของ BYD กล่าวว่า บริษัทพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นผู้นำอุตสาหกรรม ตั้งแต่แบตเตอรี่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงรถยนต์พลังงานใหม่ และปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ใหม่ของตลาดโลก

 

ทั้งนี้ ในปีนี้ยอดส่งออกของ BYD ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2025 BYD ส่งออกรถไปแล้ว 133,361 คัน เติบโต 124% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ขณะเดียวกัน ด้านของ Tesla กำลังเจอปัญหาในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็นจีน ที่ยอดขายในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมากกว่า 50% รวมถึงตลาดยุโรป โดยตามข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ยุโรประบุว่า ส่วนแบ่งการตลาดของ Tesla ในช่วง 2 เดือนแรกลดลงเหลือ 7.7% จาก 18.4% ในปี 2024 

 

อีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดขายของ Tesla กำลังดิ่งลงเหวเป็นผลมาจากพฤติกรรมของมัสก์ ที่ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ นับตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี นอกจากนี้มัสก์มักจะแสดงความเห็นแทรกแซงเกี่ยวกับการเมืองในต่างประเทศบ่อยครั้ง 

 

อีกปัจจัยที่น่าจับตาคือการแข่งขันด้านเทคโนโลยี โดยในช่วงสัปดาห์ที่แล้วจะเห็นว่า BYD เปิดตัวระบบชาร์จเร็วพิเศษที่สามารถชาร์จแค่ 5 นาที วิ่งได้ 250 ไมล์ หรือ 400 กิโลเมตร แซงหน้าเทคโนโลยีการชาร์จ Superchargers ของ Tesla ที่ใช้เวลา 15 นาทีในการชาร์จ และวิ่งได้ 200 ไมล์ หรือ 320 กิโลเมตร 

 

นอกจากนี้ BYD ยังเปิดตัวระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงเมื่อเดือนที่แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นักวิเคราะห์กล่าวว่า การอัปเกรดระบบ God’s Eye ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฟรีทำให้ Tesla และผู้ผลิต EV รายอื่นๆ ของจีนเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นไปอีก

 

ตรงกันข้าม บริการ Full Self-Driving (FSD) ของ Tesla ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐฯ แต่ต้องสมัครสมาชิกรายเดือน 99 ดอลลาร์หรือชำระเงินครั้งเดียว 8,000 ดอลลาร์ 

 

วางกลยุทธ์ ‘จับกลุ่มตลาดเกิดใหม่’ และเข้าไปตั้งฐานผลิต

 

นักวิเคราะห์ระบุอีกว่า แม้ BYD ไม่ได้เข้าไปอยู่ในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลของไบเดนกำหนดภาษีนำเข้าสูง และแทบจะถูกกีดกันออกจากตลาดสหรัฐฯ แต่ BYD ใช้กลยุทธ์เจาะตลาดจีนและมุ่งเน้นทำตลาดอื่นๆ 

 

โดยปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเติบโตคือตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง BYD มีส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 40% ในประเทศไทย และล่าสุดแซงหน้าแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota จนกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ชาวสิงคโปร์ชื่นชอบ

 

BYD ไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดซึ่งคิดเป็น 50% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด แต่ยังทำตลาดตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ ส่งผลให้ยอดการส่งออกพุ่งสูงขึ้น 83% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงต้นปี 2025 โดยมีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลาตินอเมริกา และตะวันออกกลางเป็นตลาดสำคัญ

 

Wang Chuanfu ยอมรับว่า “ภูมิภาคเหล่านี้มีส่วนสนับสนุนการเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า การพัฒนาตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ในเอเชียกลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก กลุ่มบริษัทมุ่งเป็นผู้นำในตลาดที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก (Mass Market) ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างมาก”

 

ตลอดจนเร่งขยายธุรกิจรถยนต์ทั่วโลกอย่างครอบคลุม มีแบรนด์ Denza ซึ่งครอบคลุมกลุ่มรถหรู และรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น BYD SEALION เข้าสู่ตลาดในกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคใน 6 ทวีป โดยตั้งโรงงานขึ้นในพื้นที่ต่างๆ เช่น อุซเบกิสถานและไทย 

 

ภาพ: Leonhard Simon / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising