×

โหวโหย่วอี๋ จากลูกชายร้านขายหมู สู่ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีไต้หวันจากพรรค KMT

12.01.2024
  • LOADING...

13 มกราคม 2024 เป็นวันที่ชาวไต้หวันราว 19 ล้านคนจะได้ใช้สิทธิออกเสียงเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่ของพวกเขา ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกำหนดทิศทางของไต้หวันต่อจากนี้ไปอีกอย่างน้อย 4 ปี

 

และ 1 ใน 3 ผู้สมัครคนสำคัญที่น่าจับตามองอย่างมากในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันครั้งนี้คือ ‘โหวโหย่วอี๋’ ผู้สมัครจากพรรคกั๋วหมินตั่ง (KMT)

 

โหวโหย่วอี๋คือใคร

 

โหวโหย่วอี๋เกิดวันที่ 7 มิถุนายน 1957 ในครอบครัวค้าขายเนื้อหมูในเขตเจียอี้ของไต้หวัน ปัจจุบันอายุ 66 ปี เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจับกุมตัวฆาตกรชื่อดัง และยังเป็นสมาชิกทีมสืบสวนคนสำคัญในการสืบคดีพยายามลอบสังหาร เฉินสุยเปี่ยน อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน เมื่อปี 2004

 

เขาสร้างผลงานมากมายในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งอธิบดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวันเมื่อปี 2006-2008 และตัดสินใจลงเล่นการเมืองอย่างจริงจังหลังจากนั้น โดยโหวโหย่วอี๋เคยดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีนิวไทเปเมื่อปี 2010 ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในไต้หวันแห่งนี้ในปี 2018 และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายอีกครั้งในปี 2022

 

ด้วยผลงานที่โดดเด่นในฐานะอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่มีความสามารถ ประกอบกับการเป็นนายกเทศมนตรีที่ได้รับความนิยมสูง จึงทำให้โหวโหย่วอี๋กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของพรรค KMT ในช่วงเวลาที่พรรคกำลังพยายามทวงสถานะความเป็นผู้นำของไต้หวันคืนจากพรรค DPP ที่ชนะการเลือกตั้ง 2 ครั้งติดต่อกันก่อนหน้านี้ และครองอำนาจนำในการบริหารไต้หวันมานานถึง 8 ปีแล้ว

 

จุดยืนและแนวคิดของโหวโหย่วอี๋

 

ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง โหวโหย่วอี๋โจมตีพรรค DPP ในประเด็นปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา พร้อมยังระบุว่าพรรค DPP พยายามควบคุมสื่อท้องถิ่นในไต้หวันเพื่อโจมตีตัวเขาและพรรค KMT ในประเด็นที่พยายามจะคงสถานะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่

 

โดยโหวโหย่วอี๋ได้เน้นย้ำว่าพรรคไม่ได้สนับสนุนนโยบายจีนเดียว และไม่ได้สนับสนุนการประกาศเอกราชของไต้หวัน แต่จะพยายามส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างทั้งสองฝ่าย

 

โหวโหย่วอี๋ระบุว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นทางเลือกระหว่างสันติภาพและสงคราม นอกเหนือจากการช่วยคนรุ่นใหม่ๆ ทำตามความฝันแล้ว รัฐบาลจะต้องไม่ปล่อยให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้เข้าสู่ภาวะสงคราม รวมถึงจะต้องดูแลความสัมพันธ์ (จีน-ไต้หวัน) เป็นอย่างดี และป้องกันไม่ให้สงครามเกิดขึ้น…ในขณะเดียวกันก็ควรบูรณาการและยกระดับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และนำโอกาสใหม่ๆ มาสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากยิ่งขึ้น”

 

นอกจากนี้โหวโหย่วอี๋ยังให้คำมั่นว่าเขาจะรื้อฟื้น ‘ข้อตกลงด้านการค้าและบริการข้ามช่องแคบ’ (CSSTA) ที่ไต้หวันเคยมีความพยายามผลักดันข้อตกลงนี้ร่วมกับรัฐบาลจีนในสมัยของประธานาธิบดีหม่าอิงจิ่ว เมื่อปี 2013 แต่กลับเผชิญกระแสต่อต้านจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ในช่วงเวลานั้น เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงเชื่อว่าความตกลงนี้จะทำให้ไต้หวันเสียเปรียบและถูกทางการจีนบีบคั้นทางเศรษฐกิจ จนทำให้สภานิติบัญญัติไต้หวันมีมติไม่รับรองข้อตกลงดังกล่าวในท้ายที่สุด

 

โหวโหย่วอี๋ถือเป็นผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีไต้หวันที่มีประสบการณ์มากมายในมิติของการรักษาความสงบเรียบร้อยและการเล่นการเมืองท้องถิ่น แต่โหวโหย่วอี๋มีประสบการณ์ในเวทีระหว่างประเทศน้อยมากเมื่อเทียบกับอดีตประธานาธิบดีหม่าอิงจิ่ว รวมถึงไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีหญิงคนปัจจุบันของไต้หวัน ซึ่งทั้งสองคนต่างเคยเป็นผู้นำพรรคการเมืองมาก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน

 

แต่อย่างไรก็ตาม เจียงอีเฉิน นักการเมืองท้องถิ่นจากพรรค KMT และอดีตเพื่อนร่วมงานของโหวโหย่วอี๋ในนิวไทเปเผยว่า “โหวมีความอุตสาหะและอ่อนโยน ทั้งยังเป็นผู้นำที่สามารถประนีประนอมและประสานงานได้…หากเขาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ฉันเชื่อว่าบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐจะสามารถเพิ่มศักยภาพและความกระตือรือร้นให้อยู่ในระดับสูงสุด รวมถึงช่วยส่งเสริมไต้หวันได้ดียิ่งขึ้น”

 

ทางด้าน เจิงหมิงจง อดีตรัฐมนตรีไต้หวัน ชี้ว่า “จากภูมิหลังและประสบการณ์ของโหวโหย่วอี๋ มีส่วนทำให้เขาเข้าใจสิ่งที่ผู้คนในสังคมต้องการจริงๆ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถเสนอแนะความคิดเห็นทางการเมืองและนโยบายระดับชาติที่สอดคล้องกับประชาชนได้เช่นนี้

 

“เขาจะเป็นผู้นำที่ดีที่สุดได้อย่างแน่นอนในอนาคต”

 

แฟ้มภาพ: Carlos Garcia Rawlins / Reuters

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising