กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดนโยบายที่มีต่อผู้อพยพที่เข้ามาอาศัยภายในดินแดนเสรีภาพแห่งนี้ โดยจะขยายฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสื่อโซเชียลและผลการค้นหาต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตของผู้อพยพอีกด้วย โดยนโยบายนี้จะครอบคลุมถึงผู้อพยพที่ได้รับกรีนการ์ดและผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนสัญชาติแล้วด้วย ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้และเก็บรวมรวบข้อมูลทั้งหมดในวันที่ 18 ตุลาคมที่จะถึงนี้
นโยบายใหม่นี้ไม่เพียงแต่จะทำให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางติดต่อสื่อสารบนโลกออนไลน์ของผู้อพยพอย่างบัญชีทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และเฟซบุ๊กเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลการสืบค้นในโลกอินเทอร์เน็ตที่ผู้อพยพได้ทำการค้นหาอีกด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า กระทรวงฯ จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลหรือประวัติการสืบค้นจากกูเกิลหรือเว็บเสิร์ชเอนจินต่างๆ ได้อย่างไร
นโยบายใหม่นี้ยังส่งผลให้ทุกคนในสังคมที่มีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มผู้อพยพในสื่อสังคมออนไลน์อาจต้องระมัดระวังการใช้ถ้อยคำต่างๆ ในบทสนทนาที่อาจจะได้รับการบันทึกจากทางเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งนี้ข้อมูลของผู้อพยพทั้งหมดอาจจะมีการถ่ายโอนและแลกเปลี่ยนกับชาติพันธมิตรอย่างแคนาดา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ หากมีการร้องขอและตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจจะยิ่งทำให้การควบคุมสถานการณ์และสืบหาตัวผู้กระทำผิดเป็นไปได้ง่ายขึ้น
แม้นโยบายใหม่ที่จะเริ่มใช้กลางเดือนตุลาคมนี้จะเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนและผลประโยชน์แห่งชาติสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตาม มีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าหากนโยบายนี้ถูกนำมาใช้ปฏิบัติจริง สิทธิและเสรีภาพของผู้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้จะถือว่าถูกละเมิดหรือไม่?
อ้างอิง:
