×

HMPRO – คาดกำไร 2H66 เติบโต YoY

01.09.2023
  • LOADING...
หุ้น HMPRO

เกิดอะไรขึ้น:

 

ใน 3Q66TD ประเมินยอดขายสาขา (SSS) ของ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ได้ว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว YoY (เทียบกับเพิ่มขึ้น 4.9%YoY ใน 2Q66 และ 17.8%YoY ใน 3Q65) ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มพาณิชย์ (อ่อนแอกว่าผู้ประกอบการค้าปลีกอาหารที่ SSS เติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำถึงกลาง YoY แต่ดีกว่าผู้ประกอบการร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายอื่นที่ SSS หดตัวลงในอัตราเลขตัวระดับสูง YoY) จาก Sentiment ในการจับจ่ายใช้สอยที่อ่อนแอจากความไม่ชัดเจนทางการเมืองสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูงและกำลังซื้อที่เปราะบางของผู้ที่มีรายได้น้อย การจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะช่วยกระตุ้น Sentiment ในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะหนุนให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ 

 

สำหรับปี 2566 HMPRO ยังคงเป้าการเติบโตของ SSS ไว้ที่ 3-5%YoY (เทียบกับ 5%YoY ใน 1H66) โดยการเติบโตสูงถึง 1%YoY คาดว่าจะได้แรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ ‘เก่ามีค่า นำมาแลกใหม่’ (นำสินค้าเก่ามาแลกซื้อสินค้าชิ้นใหม่ด้วยส่วนลดสูงสุด 5,000 บาท) ที่เริ่มจากเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 และขยายมาครอบคลุมถึงสุขภัณฑ์ ปั๊มน้ำ และที่นอนใน 2Q66

 

ทั้งนี้ HMPRO ยังคงแผนขยายสาขาเชิงรุก ในปี 2566 วางแผนเปิดสาขาใหม่ 10 สาขา (โฮมโปร 1 สาขา และเมกาโฮม 9 สาขา พื้นที่ขายสุทธิจะเพิ่มขึ้น 13%) สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 โดยหลังจากเปิดร้านเมกาโฮม 6 สาขา ใน 1H66 ซึ่งการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าที่บริษัทวางไว้ HMPRO วางแผนเปิดร้านโฮมโปรใหม่ 1 สาขาในซีคอน บางแค ใน 3Q66 (เปลี่ยนทำเลที่ตั้งจากการปิดร้านโฮมโปรในโลตัส บางแค ใน 2Q66) และร้านโฮมโปร 1 สาขาในบางบัวทอง และร้านเมกาโฮมอีก 3 สาขาในเมืองใหญ่ๆ ในต่างจังหวัดใน 4Q66

 

ด้าน EBIT Margin คาดจะกว้างขึ้นใน 2H66 โดยอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะกว้างขึ้น YoY จากอำนาจการต่อรองที่ดีขึ้นกับซัพพลายเออร์และประสิทธิภาพด้านต้นทุนโลจิสติกส์จากการวางแผนจัดซื้อได้ดีขึ้น และสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงที่มากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายสินค้า Private Brand ต่อยอดขายทั้งที่ร้านโฮมโปรและร้านเมกาโฮมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 20.3% และ 18% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 

 

ส่วนอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY ในอัตราที่ช้ากว่า 1H66 โดยเกิดจากอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ดีขึ้นจากสาขาใหม่ เนื่องจากบริษัทมีการบันทึกค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินงานก่อนเปิดร้าน 3-6 เดือนและยอดขายจากสาขาใหม่เพิ่มขึ้น และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ลดลงในเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 (ลดลง 5% จากเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 และลดลง 6%YoY)

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น HMPRO ปรับลดลง 3.52%MoM อยู่ที่ระดับ 13.70 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.63%MoM สู่ระดับ 1,565.94 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:

 

InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลดลง 5% เพื่อสะท้อนยอดขายสาขา (SSS) ที่ชะลอตัวลงใน 3Q66TD ซึ่งคาดว่ากำไร 3Q66 จะเติบโต YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาและ EBIT Margin ที่กว้างขึ้น แต่จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และคาดว่ากำไรปกติ 4Q66 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2566 โดยจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาและ SSS ที่เติบโต และ EBIT Margin ที่กว้างขึ้น

 

อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ HMPRO ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.1% และอัตราการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ปรับใหม่เป็น 16 บาทต่อหุ้น 

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising