×

จับตา ‘เซ็นทรัล’ ลดบทบาทใน JD Central เปิดทาง ‘จีน’ เข้ามา หลัง 5 ปีขาดทุน 5.6 พันล้านบาท

09.06.2022
  • LOADING...
เซ็นทรัล

กลายเป็นข่าวลือหนาหูในแวดวงอีคอมเมิร์ซว่า ‘เซ็นทรัล’ อาจถอดทุนออกจาก ‘JD Central’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม E-Marketplace ที่ได้ร่วมทุนกับ JD.com, Inc. ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากแดนมังกร โดยมีปัญหาหลักมาจากผลประกอบการที่ไม่ค่อยดีมากนัก

 

ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2560 บริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด หรือ HCDS (สมาชิกในครอบครัวจิราธิวัฒน์จำนวน 77 ราย เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน HCDS) และ JD.com, Inc. เข้าทำสัญญาร่วมลงทุนเพื่อร่วมกันก่อตั้งกิจการร่วมค้าขึ้นภายใต้ชื่อ ‘JD Central’ ในสัดส่วน 50:50

 

ด้วยงบลงทุนมหาศาลกว่า 17,500 ล้านบาท ทำให้ในเวลานั้นได้มีการตั้งเป้าหมายขึ้นเป็น ‘เบอร์ 1’ ของไทย ก่อนจะกระโดดไปสู่สังเวียนในระดับภูมิภาค

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

เกือบ 5 ปีผ่านไป ดูเหมือนว่าฝันที่ร่างไว้อาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก สะท้อนจากผลประกอบการที่ใช้คำว่าต่างกันมากโขกับคู่แข่งอย่าง Shopee และ Lazada

 

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปี 2564 ‘บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด’ มีรายได้รวม 7,443,356,966 บาท เติบโตกว่า 113.17% แต่เมื่อหันไปมองกำไรจะพบว่าขาดทุนกว่า 1,930,440,305 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 40.34% ด้วยกัน

 

ด้านบริษัท ลาซาด้า จำกัด มีรายได้ 14,675,291,653 บาท เพิ่มขึ้น 46.58% ที่สำคัญคือพลิกกลับมามีกำไรด้วยตัวเลข 226,886,476 บาท สวนทางกับปีก่อนหน้าที่ขาดทุน 3,988,774,672 บาท

 

ขณะที่บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด มีรายได้ 13,322,184,294 บาท เพิ่มขึ้น 129.18% แต่ยังขาดทุน 4,972,561,566 บาท เพิ่มขึ้น 19.24%

 

เซ็นทรัล

 

ตัวเลขเหล่านี้ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าในสงครามนี้ใครยิ่งใหญ่ที่สุด แต่อย่างน้อยก็พอทำให้เห็นภาพว่าแต่ละรายมีขนาดของธุรกิจที่แตกต่างกันแค่ไหน

 

ขณะที่ข้อมูลจาก iPrice Thailand ระบุว่า ในไตรมาส 1/65 Shopee เป็นเว็บอีคอมเมิร์ซที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ต่อเดือนสูงที่สุด ด้วยตัวเลข 56,970,000 ครั้ง ตามด้วย Lazada ที่มีตัวเลข 36,850,000 ครั้ง ขณะที่ JD Central นั้นรั้งอันดับ 4 ตามหลัง Central Online โดยมีตัวเลขอยู่เพียง 2,080,000 ครั้ง

 

แม้คู่แข่งอย่าง Shopee จะยังขาดทุนเป็นจำนวนที่มากกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีฐานผู้ใช้ที่เยอะสุด ส่วน Lazada ก็เริ่มกลับมาทำกำไร ในขณะที่ JD Central นอกจากขาดทุนซึ่งหากรวมการส่งงบตั้งแต่ปี 2560-2564 หรือ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าขาดทุนไม่น้อยกว่า 5.6 พันล้านบาท แถมตัวเลขผู้ใช้ก็มีจำนวนที่น้อยสุดอีกด้วย

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่แปลกที่จะเกิดข่าวลือว่า ‘เซ็นทรัล’ อาจถอดทุนออกจาก ‘JD Central’ เพราะไม่อยากแบกธุรกิจที่ขาดทุนอยู่ และยังมองไม่เห็นหนทางที่ทำกำไร เพราะอย่างที่รู้กันนี่คือ ‘ธุรกิจเผาเงิน’ ผู้ที่มีสายป่านยาวเท่านั้นถึงจะสามารถเป็นผู้ชนะในสงครามนี้ได้

 

แหล่งข่าวที่เคยใกล้ชิด JD Central กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า เซ็นทรัลน่าจะยังไม่ถอดทุน เพียงแต่ไม่ได้ใส่เงินเพิ่มเข้าไป ทำให้วันนี้ทางจีนมีอำนาจในการบริหารที่มากขึ้น สังเกตได้จากทุนจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นทุกปีแต่สัดส่วนที่ไทยถือหุ้นลดลง โดยเฉพาะช่วงปี 2563-2564 ซึ่งเซ็นทรัลไม่ได้เพิ่มเงินเข้าไป

 

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุถึงสัดส่วนการลงทุน พบ ‘เซ็นทรัล’ มีสัดส่วนเหลือ 41.75% ขณะที่ JD.com, Inc. มีสัดส่วน 58.25% จากทุนจดทะเบียน 4,959.27 ล้านบาท ในปี 2564

 

ด้วยสัดส่วนหุ้นที่ลดลงทำให้วันนี้ตำแหน่งบริหารระดับสูงเกือบทั้งหมดเป็นคนจีนไปหมดแล้ว และไม่ได้มีคนของ ‘จิราธิวัฒน์’ นั่งอยู่อย่าง ‘รวิศรา จิราธิวัฒน์’ ที่เคยนั่งเป็นประธานบริหารฝ่ายการตลาด ได้ย้ายไปเป็นประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เมื่อปี 2564

 

รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล

 

ส่วน ‘โชดก พิจารณ์จิตร’ ซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารสินค้า JD Central ก็ได้ย้ายไปอยู่ ‘ไทวัสดุ’

 

“ปัญหาของ JD Central ส่วนหนึ่งคือวัฒนธรรมในองค์กรที่แทบจะยก Role Model จากจีนมาทั้งหมด ทำให้ไม่เข้ากับวัฒนธรรมของไทย ขณะที่ช่วงเดือนที่ผ่านมามีข่าวว่าได้มีการเลย์ออฟพนักงานกว่า 50 คน เป็นครั้งแรก จากจำนวนพนักงานในสำนักงานใหญ่ราว 200-300 คน”

 

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องระบบหลังบ้านที่ต่างคนต่างทำ เซ็นทรัลเองนอกจาก JD Central ในธุรกิจอื่นๆ ก็มีการทำออนไลน์อย่าง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ที่มีเช่นกัน

 

CRC ระบุว่า ในปี 2564 ยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม Omni Channel เพิ่มขึ้น 7 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2562 และจำนวนลูกค้าผ่านช่องทาง Omni Channel เพิ่มขึ้นกว่า 500% เมื่อเทียบกับปี 2562 นอกจากนี้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทาง Omni Channel มียอดใช้จ่ายมากกว่าถึง 5 เท่า และซื้อสินค้าหลากหลายมากกว่าเป็น 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับลูกค้าที่ซื้อผ่านช่องทางเดียว 

 

และในปี 2564 ยอดขายผ่านช่องทาง Omni Channel มีการเติบโตเพิ่ม 109% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 20% ต่อยอดขายรวม โดยแอปพลิเคชัน Centra มีผู้ใช้งาน 4 ล้านราย ณ สิ้นปี 2564 ส่วน Tops มีผู้ใช้งานราว 3 ล้านราย

 

 

อย่างไรก็ตาม CRC ระบุว่า ลักษณะธุรกิจของ JD Central แตกต่างจากแพลตฟอร์ม Omni Channel ของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจาก JD Central ไม่มีเครือข่ายร้านค้า การให้บริการจึงถูกจำกัดอยู่บนช่องทางออนไลน์ และไม่สามารถให้บริการผ่านหลากหลายช่องทางในรูปแบบ Omni Channel ได้

 

แต่ CRC สามารถสร้างรายได้จาก JD Central ผ่าน 

 

  1. การเป็นซัพพลายเออร์สินค้าให้แก่ JD Central

 

  1. การเป็นร้านค้าหลักบนเว็บสโตร์และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของ JD Central ซึ่งทำให้กลุ่มบริษัฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ JD Central

 

  1. การเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และการส่งสินค้า สำหรับการสั่งซื้อสินค้าผ่าน JD Central นอกจากนี้เว็บไซต์ JD Central จะมีลิงก์ไปยังเว็บสโตร์ต่างๆ ของกลุ่มบริษัฯ เพื่อช่วยสร้างยอดการเข้าชมร้านค้าทางออนไลน์ และเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มบริษัฯ

 

ขณะที่แหล่งข่าวที่เคยใกล้ชิด JD Central อีกรายกล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ไปในทิศทางเดียวกับแหล่งข่าวอีกคนว่า ลักษณะการทำงานภายในแทบจะเป็นองค์กรจีน และในฝั่งการตลาดเองก็แทบจะยกโมเดลซึ่งเคยสำเร็จในแดนมังกรอย่าง ‘การไลฟ์’ มาใช้ โดยที่ลืมบริบทของผู้บริโภคชาวไทยไป

 

โดยหลังจากที่รวิศราย้ายออกไป ได้มี ‘ก่อลาภ สุวัชรังกูร’ ที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนจาก LINE MAN และ Gojek เข้ามาเสริมทัพในตำแหน่ง ‘ประธานบริหารฝ่ายการตลาด’ ซึ่งแหล่งข่าวให้ความเห็นว่า ช่วยให้ภาพแบรนด์ชัดขึ้น แต่สุดท้ายก่อลาภก็อยู่ได้ราว 1 ปี ก่อนจะย้ายไปเป็น ‘ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของบริษัท โอ ช้อปปิ้ง จำกัด’

 

ก่อลาภ สุวัชรังกูร อดีตประธานบริหารฝ่ายการตลาด JD Central

 

และการที่ทางการจีนมีบทบาทมากขึ้นทำให้เกิดการปรับโครงสร้างภายใน โดยแผนก Marketing ได้ถูกโยกไปอยู่กับ ‘Head of HR & Corporate Marketing’ ขณะที่การออกโปรโมชันต่างๆ ให้ขึ้นอยู่กับฝ่ายขาย

 

“ตอนนี้นโยบายภายในได้เน้นสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุด” แหล่งข่าวกล่าว 

 

ทีนี้ก็ต้องจับตากันต่อไปว่า การปรับหมากครั้งนี้จะทำให้ JD Central เติบโตได้อย่างที่หวังได้หรือไม่ แล้วสุดท้ายเซ็นทรัลจะถอนทุนหรือเปล่า นี่คงเป็นคำตอบที่ผู้บริหารระดับสูงของเซ็นทรัลคงจะเป็นผู้ที่ให้คำตอบได้เท่านั้น

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising