หลังทำออลไทม์ไฮที่ราคา 158.50 บาทต่อหุ้นในช่วงปิดตลาดวานนี้ (2 ก.ย.) ล่าสุดราคาหุ้น GULF Energy ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเหลือ 157 บาทต่อหุ้น เปลี่ยนแปลง 0.95% ขณะที่ระหว่างวันทำราคาสูงสุดถึง 163.50 บาท โดยมีปริมาณซื้อขายอยู่ที่ 35,244,962 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 5,587,831,810 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากการที่ GULF ประกาศแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าหลายโครงการในต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งการยื่นเสนอแผนพัฒนาโรงไฟฟ้ากำลังผลิต 6 พันเมกะวัตต์ในเวียดนาม การเจรจากับพันธมิตรจีนที่ได้รับสิทธิ์พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 3 โครงการในลาว ซึ่งมีกำลังผลิตรวม 2.5 พันเมกะวัตต์ รวมถึงการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนอิสระ 2 แห่งในไทย ทำให้ราคาดีดตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2560 โดยมีราคา IPO อยู่ที่ 45 บาท
จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST มองว่าสาเหตุที่ราคาหุ้นของ GULF ดีดตัวสูงขึ้นในช่วงนี้มาจากโครงการที่ GULF มีอยู่ในมือ รวมถึงโครงการในอนาคตที่กำลังเข้าไปแข่งขัน พูดง่ายๆ คือตลาดมีความคาดหวังต่อกำลังการผลิตในอนาคตของ GULF ค่อนข้างมาก
โดยขณะนี้ราคาหุ้นของ GULF ถือว่ามาไกลจากราคาเหมาะสมที่นักวิเคราะห์หลายรายมองไว้ ซึ่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 107 บาทเท่านั้น ขณะที่ KTBST มองไว้เพียง 86 บาท เพราะราคาหุ้นที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
“ถ้าถามผมว่าราคาหุ้น GULF ตอนนี้แพงไหม ผมขอใช้คำว่าราคาสูง เพราะถ้าแพงหมายความว่ามูลค่าปัจจุบันนี้สูงกว่าที่ควรจะเป็น แต่ผมใช้คำว่าสูงเพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความคาดหวังของนักลงทุนถึงโครงการในอนาคต
“ถ้าถามว่าแนะนำไหม ผมมองว่าเหมาะกับการถือไว้มากกว่า หรือนักลงทุนที่มีทุนต่ำก็อาจจะเลือกขายเพื่อทำกำไรบางส่วนแล้วไปหาจังหวะรับที่อ่อนตัวลงมา ส่วนใครอยากลองถือไว้ก่อนคงต้องหาจุด Trailing Stop ไว้ในใจในกรณีที่ราคาเกิดวกกลับลงมา”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
