นับเป็นการขยับตัวอีกครั้งในโลกออฟไลน์ของ Grab หลังจากตัดสินใจเพิ่มโมเดลธุรกิจใหม่ที่ชื่อว่า Grab Corner
สุขุมาลย์ เลิศปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์และบริหารพาร์ตเนอร์ร้านค้า แกร็บ ประเทศไทย ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ว่า Grab Corner เป็นโมเดลใหม่ที่ Grab ได้ทดลองนำเมนูต่างๆ จากร้านอาหารบน GrabKitchen มาวางขายในรูปแบบของอาหาร Ready to Eat ในบริเวณที่มีทราฟฟิกสูง
“ลูกค้าสามารถซื้ออาหารได้จากหน้าร้านของ Grab Corner เลย หรือสั่งเดลิเวอรีผ่านทางแอปพลิเคชัน Grab ก็ได้เช่นกัน”
สำหรับอาหารที่นำมาวางขายใน Grab Corner นั้น เป็นการนำเมนูที่มีขายใน GrabKitchen มาวางขาย โดย Grab ได้ใช้ข้อมูลร้านอาหารที่เป็นที่นิยมในพื้นที่นั้นๆ มาเป็นตัวกำหนด โดยจะจำหน่ายในราคาเดียวกับเมนูจากร้านอาหารบน GrabKitchen
Grab Corner ได้ทดลองเปิดให้บริการสาขาแรกที่ Lotus’s สาขา The Market Bangkok เพื่อเป็นการสำรวจความต้องการเบื้องต้นในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา และในขณะนี้ได้เพิ่มจุดบริการที่ Lotus’s สาขาพระราม 4
สุขุมาลย์กล่าวต่อว่า เนื่องจาก Grab Corner ยังอยู่ในช่วงทดลองการให้บริการและกำลังติดตามวัดผลลัพธ์สำหรับแผนการขยายโมเดลในอนาคต จึงยังไม่สามารถให้วัดผลหรือให้คำตอบที่แน่ชัดได้ว่าในอนาคตจะมีการปูพรมขยายไปอีกกี่สาขา
ย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม ปี 2562 Grab ได้ขยับตัวเข้าสู่โลกออฟไลน์เป็นครั้งแรกด้วยการเปิดตัว GrabKitchen เพื่อเป็นครัวกลางสำหรับบริการ Food Delivery โดยเฉพาะ ในรูปแบบ Virtual Food Court ที่นำร้านอาหารหลายๆ ร้านมารวมกัน แต่เน้นขายแบบ Delivery และ Take away
ปัจจุบัน GrabKitchen มีทั้งหมด 9 สาขา ได้แก่ สามย่าน, วิภาวดีรังสิต, ทองหล่อ, SS Center สุคนธสวัสดิ์, Vanilla Moon (ถนนจันทน์), พญาไท, พาต้าปิ่นเกล้า, ลาดพร้าว 101, โลตัสพระราม4
โดย 5 เมนูที่ขายดีที่สุดบน GrabKitchen คือ สุกี้แห้งเนื้อ ข้าวซอยไก่ ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ ไก่ทอด และข้าวไข่ข้นปู
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
