×

โกลอฟกิน-อัลวาเรซ ไฟต์ของ ‘คนจริง’ ที่ทุกคนรอคอย

16.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • ไฟต์จอมน็อกเอาต์ กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 17 กันยายนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดย เกนนาดี โกลอฟกิน โคจรมาพบกับ คาเนโล อัลวาเรซ
  • เกนนาดี โกลอฟกิน ในวัย 35 ปี ถือว่าเป็นจอมน็อกเอาต์ที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งในวงการ ด้วยสถิติชก 37 ครั้ง ชนะ 37 ครั้ง และเป็นการชนะแบบน็อกเอาต์ทั้งหมด 33 ครั้ง
  • คาเนโล อัลวาเรซ ในวัย 27 ปี มีความได้เปรียบเรื่องอายุและสไตล์การชกที่เน้นรอหมัดสวน รวมถึงยังมีสถิติน็อกเอาต์คู่ชกได้ถึง 34 ครั้ง
  • ไฟต์นี้เชื่อว่าจะเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีของมวยไฟต์คลาสสิก ที่นักมวยจอมน็อกเอาต์มาเจอกันอีกครั้ง

     ถือว่าเป็นไฟต์ที่ทุกคนรอคอย สำหรับแฟนหมัดมวยทั่วโลก โดยครั้งนี้เป็นการชกระหว่าง เกนนาดี โกลอฟกิน นักมวยจอมน็อกเอาต์วัย 35 ปีจากคาซัคสถาน ที่สร้างสถิติไร้พ่าย ชก 37 ครั้ง ชนะ 37 ครั้ง และเป็นการชนะน็อกแบบน็อกเอาต์ทั้งหมด 33 ครั้ง

     พบกับ คาเนโล อัลวาเรซ นักชกชาวเม็กซิโก วัย 27 ปี ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในดาวดังที่น่าจับตามองที่สุดในวงการมวยสากลคนหนึ่ง ด้วยสถิติชก 51 ครั้ง ชนะ 49 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง และแพ้เพียงครั้งเดียวให้กับ ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ เมื่อปี 2013

     โดยไฟต์นี้เป็นการชิงดำตำแหน่งนักมวยที่ดีที่สุดในรุ่นมิดเดิลเวต และยังเป็นสิ่งที่หลายคนรอคอย เนื่องจากที่ผ่านมาวงการมวยสากลโลกถูกปกคลุมไปด้วยข่าวของฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ กับไฟต์ประวัติศาสตร์ ที่ดึงคอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ จากเวทีกรงเหล็กแปดเหลี่ยม UFC มาชกในกติกามวยสากลเป็นครั้งแรก

     แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการแสดงฝีปาก การดูถูกเหยียดหยามกันก่อนขึ้นชก จนทำให้แฟนมวยติดตามการโปรโมตการแข่งขันมากกว่าวันขึ้นชกจริงด้วยซ้ำ

     แต่ไฟต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 17 กันยายนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ถือว่าแตกต่างกับไฟต์ที่กล่าวถึงโดยสิ้นเชิง เนื่องจากโกลอฟกินและอัลวาเรซเป็นนักมวยที่หลายคนให้การยกย่องเรื่องของฝีมือมากกว่าแค่โปรโมตตัวเองด้วยฝีปาก โดยทั้งคู่เลือกที่จะให้เกียรติกันก่อนขึ้นชก และให้เวทีมวยเป็นฝ่ายตัดสินว่าใครคือผู้ชนะ

 

 

โกลอฟกิน กับพลังหมัดที่หนักเท่ากับนักชกรุ่นไลต์เฮฟวีเวต

     เริ่มจากฝั่งของ เกนนาดี โกลอฟกิน ถือเป็นนักมวยที่สร้างความหวาดกลัวในรุ่นมิดเดิลเวตมาอย่างยาวนาน ด้วยสถิติการชกที่น่าทึ่ง แค่ลองหาชื่อเขาดูในยูทูบ ก็จะเห็นภาพความน่ากลัวของนักมวยชาวคาซัคสถานรายนี้ ที่คอนเซปต์ของเขาคือพูดน้อย ต่อยหนัก

     ด้วยสถิติที่ไม่เคยแพ้ และไม่เคยโดนน็อกเอาต์ ทำให้หลายคนเชื่อว่าไฟต์นี้ชัยชนะจะตกเป็นของโกลอฟกิน โดย สตีฟ บรู๊ฟ นักข่าวสายมวยสากลของ BBC Radio คาดว่า โกลอฟกินจะชนะได้จากพลังหมัดของเขา

 

     “หลายคนเลือกที่จะอยู่ฝั่งโกลอฟกิน เพราะว่าที่ผ่านมามีหลายคนพยายามเตรียมพร้อมรับหมัดหนักของเขา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรับมือได้”

     ขณะที่ แมตต์ แม็กคลิน (Matt Macklin) หนึ่งในนักชกที่เคยโดนโกลอฟกินน็อกเมื่อปี 2013 ยอมรับว่าหมัดของโกลอฟกินหนักจนควรจะเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย

     โดยจากบทวิเคราะห์ของ ESPN เปิดเผยว่า ยอดนักชกชาวคาซัคสถานคนนี้สามารถออกหมัดเข้าเป้ามากกว่าค่าเฉลี่ยของนักมวยทั่วไปได้ถึง 10 ครั้งต่อ 1 ยก และมีค่าพลังหมัดที่สูงเท่ากับนักชกที่อยู่สูงกว่า 2 รุ่นขึ้นไป หรือเท่ากับพลังหมัดของนักมวยในรุ่นไลต์เฮฟวีเวตเลยทีเดียว

     แต่ไฟต์ล่าสุดของเขากับ แดเนียล เจค็อปส์ ซึ่งเขาเอาชนะมาได้แบบยากลำบาก เนื่องจากเจค็อปส์เป็นนักมวยคนแรกในรอบเกือบ 9 ปีที่รอดจากการต่อสู้กับโกลอฟกินจนครบ 12 ยก และต้องตัดสินกันด้วยคะแนนเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ปี 2017

     ด้วยวัย 35 ปี โกลอฟกินยอมรับว่าไฟต์นี้คือสิ่งที่ท้าทายที่สุดในชีวิตของเขา ซึ่งเขาได้ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนักจนพลาดโอกาสไปเยี่ยมภรรยาที่ให้กำเนิดลูกคนที่สองของเขา เนื่องจากไม่อยากพลาดตารางการฝึกที่แคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐฯ

     “ผมต้องการชนะครั้งนี้ เพราะว่าไฟต์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เหมือนไฟต์ในตำนานอย่าง ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด กับ มาร์วิน แฮกเลอร์ ผมเชื่อว่านี่คือเวลาของพวกเราแล้ว” โกลอฟกินพูดถึงความท้าทายครั้งสำคัญในชีวิตของเขา

 

 

ซาอูล คาเนโล อัลวาเรซ ยอดนักชกจากเม็กซิโก

     ข้างในด้านซ้ายของแขน ซาอูล คาเนโล อัลวาเรซ ได้สักคำว่า ‘No boxing, No life’ หรือความหมายว่า ไม่มีมวย ไม่มีชีวิต คาเนโลได้ให้สัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้มเมื่อมีคนถามถึงรอยสักบนแขนของเขา

     “ใช่ครับ ไม่มีมวย ไม่มีชีวิต เพราะมวยสากลได้ให้ทุกอย่างกับชีวิตของผม มวยสากลช่วยสร้างผมให้มาถึงทุกวันนี้ได้ และผมติดหนี้บุญคุณทุกอย่างให้กับมวยสากล และมวยสากลก็เป็นสิ่งที่ผมรักมาก”

     คาเนโลเป็นชื่อที่ทุกคนเรียกเขา หรือฉายาคือ สเปนนิช ซินนามอน เนื่องจากลักษณะของคาเนโลซึ่งเป็นชาวเม็กซิโกที่มีผมสีส้ม และมีความชื่นชอบในการขี่ม้าและการใช้ชีวิตอยู่ที่กวาดาลาฮารา ประเทศเม็กซิโก บ้านเกิดของเขา

     ตรงกันข้ามกับโกลอฟกินในวัย 35 ปี ที่ดูเหมือนว่าวันที่ดีที่สุดของเขาในวงการมวยสากลอาชีพดูจะเหลือน้อยลงทุกวัน ขณะที่อัลวาเรซในวัย 27 ปี ช่วงเวลานี้เหมือนเป็นจุดสูงสุดของเขา

     ที่ผ่านมา อัลวาเรซสามารถเรียนรู้จากบทเรียนความพ่ายแพ้ของเขากับฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ และด้วยความช่วยเหลือจากออสการ์ เดอ ลา โฮยา อดีตนักชกชาวสหรัฐฯ​ เขาได้ปรับตัวจากการเป็นนักมวยที่เดินหน้าเข้าน็อกคู่ชก กลับกลายมาเป็นนักมวยที่รอดักชกคู่แข่งได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีแฟนมวยหลายคนได้จับภาพช้าที่อัลวาเรซใช้ท่า Philly Shell หรือการ์ดป้องกันตัวด้วยไหล่ เสมือนกับสิ่งที่ฟลอยด์เคยใช้เอาชนะเขามาแล้ว

 

 

     แต่แม้จะได้สไตล์การป้องกันบางรูปแบบจากฟลอยด์ แต่พลังหมัดของอัลวาเรซก็ไม่เป็นรองใคร ด้วยสถิติการชกชนะทั้งหมด 49 ครั้ง เขาน็อกคู่ชกไปได้ทั้งหมด 34 ครั้ง และการน็อกครั้งล่าสุดคือนัดที่อัลวาเรซน็อกอาเมียร์ ข่าน ไปได้ในยกที่ 6 ในการป้องกันแชมป์เมื่อปี 2016 ถือว่าเป็นภาพที่ติดตาใครหลายคนมาถึงทุกวันนี้

     อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้อัลวาเรซได้เปรียบคือเสียงเชียร์ในเวที และกำลังใจจากประเทศเม็กซิโก เนื่องจากวันที่ 16 กันยายน (วันชกตามเวลาสหรัฐฯ) คือวันประกาศอิสระภาพของประเทศเม็กซิโกบ้านเกิดของอัลวาเรซ ซึ่งชัยชนะในครั้งนี้จะมีความหมายมากเป็นพิเศษสำหรับแฟนๆ อย่างแน่นอน

     “ผมเตรียมตัวมากที่สุดเท่าที่เคยทำมา เพราะต้องการจะน็อกคู่ชกให้ได้ และให้แฟนๆ หมัดมวยจะได้เห็นการชกที่สนุกและสวยงาม”

 

 

ไฟต์ประวัติศาสตร์สำหรับการปลุกกระแสวงการมวยโลก

     มวยสากลในยุคที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ ได้เปลี่ยนแปลงวงการไปตลอดกาล ด้วยสไตล์การโปรโมตไฟต์ที่เน้นฝีปากแสดงความโอหังจนดึงดูดคนให้เขามาดูว่า ใครกันจะเป็นคนที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีเทคนิคการชกและสัญชาติญาณของนักมวยที่มีการป้องกันตัวที่ดีเยี่ยม และเมื่อทั้งสองอย่างประกอบกัน ทั้งเม็ดเงินและแฟนมวยก็ได้ไหลไปให้ความสนใจว่า ใครกันจะเป็นคู่ชกคนต่อไปของฟลอยด์

     แต่หลังจากไฟต์ประวัติศาสตร์กับ คอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ จบลงพร้อมกับอาชีพมวยสากลของฟลอยด์ คนดูก็ยังคงโหยหามวยสากลไฟต์คลาสสิก ซึ่งการเดินทางมาพบกันของอัลวาเรซและโกลอฟกิน ถือว่ามาในช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการดึงดูดคนดูกลับมาชมมวยสากลอีกครั้ง

     ไฟต์นี้ ออสการ์ เดอ ลา โฮยา โปรโมเตอร์ของอัลวาเรซ และเจ้าของค่ายโกลเดนบอย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ออกมาต่อต้านไม่ให้ไฟต์ระหว่างฟลอยด์กับคอเนอร์เกิดขึ้นก็เชื่อว่า ไฟต์นี้จะเป็นสิ่งที่แตกต่างกับไฟต์ของฟลอยด์โดยสิ้นเชิง โดยในการแข่งขันครั้งนี้ทั้งคู่จะพบกับไฟต์ที่สาหัสในช่วง 8-9 ยกแรก เนื่องจากทั้งคู่เป็นมวยที่ขึ้นชื่อว่าหมัดหนักและเป็นจอมน็อกเอาต์

     โกลอฟกินมีเข็มขัดอยู่ทั้งหมด 3 เส้นเป็นเดิมพัน ขณะที่อัลวาเรซสามารถคว้าแชมป์ได้เพียง 2 เส้น นั่นก็คือแชมป์มิดเดิลเวตของ WBA และ IBF ขณะที่ WBC จะกลายเป็นแชมป์ว่างทันทีหากอัลวาเรซเอาชนะโกลอฟกินได้ ส่วนแชมป์เข็มขัดสถาบันหลักอย่าง WBO ตอนนี้อยู่กับ บิลลี โจ ซอนเดอร์ส นักชกชาวอังกฤษวัย 28 ปี

 

Photo: AFP

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising