ขวบปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าโลกของเรามีการพัฒนาทางเทคโนโลยีหลายด้าน ชนิดที่ว่าภาพจินตนาการที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น Back to the Future, Minority Report หรือแม้แต่ในการ์ตูนยอดนิยมตลอดกาลอย่าง Doraemon ค่อยๆ ทยอยเป็นความจริงทีละอย่างสองอย่าง
แต่มีอยู่ 2 เทคโนโลยีที่มาแรงและน่าจับตามองอย่างมากครับ คือ เทคโนโลยี VR หรือ Virtual Reality และ AR หรือ Augmented Reality รวมถึง MR หรือ Mixed Reality ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตมนุษย์ได้อย่างหลากหลาย
แน่นอนว่ารวมถึงในโลกของกีฬาด้วย
ว่ากันว่าทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้น่าจะเข้ามามีส่วนกับเกมกีฬาอยู่ไม่มากก็น้อย
อาจจะไม่ถึงขั้นพลิกวงการจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่อย่างน้อยก็จะเข้ามามีส่วนกับกีฬา และน่าจะทำให้กีฬาแห่งโลกอนาคตนั้นมีสีสันและสนุกขึ้นในแบบที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
มาดูกันครับว่า VR, AR และ MR จะเข้ามามีส่วนกับกีฬาอย่างไรได้บ้าง
เปิดประตูมิติโลกกีฬาด้วย VR
ยังจำวันที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก แนะนำเทคโนโลยี VR ของเขาในงาน Oculus Connect ที่แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ของโลกเสมือนจริงในอนาคตเมื่อปี 2016 กันได้ไหมครับ?
ในวันนั้นผมเองยังอดคิดไม่ได้ว่าหากเทคโนโลยีจะสามารถทำได้ขนาดนี้แล้ว อีกไม่นานเราคงสามารถชมเกมกีฬาผ่านเทคโนโลยี VR ได้อย่างแน่นอน และมันน่าจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าสนใจอย่างมากแน่นอน
เวลาผ่านมา 1 ปี เรื่องดังกล่าวกลายเป็นความจริงแล้ว
โดยล่าสุดทางด้าน NBA บรรลุข้อตกลงร่วมกับทางด้าน TNT (สถานีโทรทัศน์ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด) และ Intel ยักษ์ใหญ่ในโลกเทคโนโลยี ถ่ายทอดสดเกมบาสเกตบอล 2018 NBA All-Star ในแบบ VR ให้แฟนๆ ได้ชมกันเป็นครั้งแรก
ความจริงจะบอกว่าเป็นครั้งแรกก็ไม่เชิงครับ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการถ่ายทอดสดกีฬาด้วยเทคโนโลยี VR อยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันบาสเกตบอลระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา หรือรถแข่ง Nascar โดย Fox Sports ที่ร่วมมือกับ NextVR อีกหนึ่งบริษัทที่บุกเบิกเรื่องนี้
แต่สำหรับการถ่ายทอดสดบาสเกตบอล NBA นั้นเป็นอีกขั้นครับ เพราะถือเป็นการถ่ายทอดสดกีฬาในกระแสหลักครั้งแรกจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และมันได้นำความคาดหวังมากมายมหาศาลตามมาด้วยครับ เพราะมันจะนำ ‘ประสบการณ์ใหม่’ มาสู่แฟนๆ กีฬาอย่างแท้จริง
ในการถ่ายทอดสดบาสเกตบอล NBA แมตช์นี้ ทางด้าน Intel ในฐานะผู้รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีการถ่ายทอดสดจะใช้กล้องถ่ายทอดสดที่เรียกว่า Intel True VR ในการจับภาพจากหลากหลายมุมมองในสนาม
ผู้ชมสามารถเลือกได้ครับว่าจะชมเกมจากมุมมองขอบสนามเหมือนตากล้องที่นั่งถ่ายภาพอยู่ มุมมองจากบนอัฒจันทร์เหมือนได้ไปอยู่เคียงข้างกับแฟนคนอื่นๆ ที่ไปชมเกมอยู่ในสนามจริง หรือมุมมองแบบ Bird’s eye view เพื่อที่จะมองเห็นภาพของเกมในมุมกว้าง
นอกจากนี้ Intel จะใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า freeD technology ที่จะทำให้แฟนๆ สามารถรับชมเกมได้แบบ 360 องศาจริงๆ และยังสามารถที่จะเลือกหยุดเกมในจังหวะที่ต้องการ และสามารถเลือกชมผ่านมุมมองของผู้เล่นที่อยู่ในสนามได้ด้วย โดยนักกีฬาจะมีอุปกรณ์ wearable ติดตัวอยู่ ทำให้เราเห็นมุมมองของพวกเขาได้ด้วย
โดยในระยะแรกอุปกรณ์ที่จะใช้งานร่วมกันได้คือ Samsung Gear VR และ Google Daydream โดยจะใช้ผ่านแอปพลิเคชัน NBA บน VR app
ทางด้าน NBA หวังว่านี่จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่แฟนยัดห่วงทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีพาร์ตเนอร์ของ NBA ที่ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดถึง 215 ประเทศทั่วโลก ได้มีโอกาสสัมผัสกับเกมบาสเกตบอลที่ดีที่สุดในโลกในแบบที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเดินทางไปสหรัฐอเมริกาได้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อตั๋วเข้าไปชมเกม NBA ได้
และถ้าความพยายามครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ในอนาคตเราอาจจะมีโอกาสไปนั่งชมเกมบนอัฒจันทร์ Kop End ของลิเวอร์พูล หรือไปชมเกมฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ หรือชมกีฬาโอลิมปิกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงสถานที่จริงๆ แต่อย่างใด
นี่อาจจะเป็น game changer ของการถ่ายทอดสดกีฬาเลยครับ
AR และ MR สีสันใหม่ที่ทำให้กีฬาสนุกขึ้น
นอกเหนือจากเทคโนโลยี VR ที่เป็นเหมือนประตูมิติที่จะนำเราไปสู่โลกใบใหม่ของเกมกีฬาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีการพูดถึงกันมากครับ คือ AR หรือ Augmented Reality
สำหรับเทคโนโลยี AR กับคนไทยนั้นน่าจะมีคนพอเข้าใจกันพอสมควรครับ เพราะเริ่มมีการนำมาใช้กันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในสื่อสิ่งพิมพ์ของบ้านเรา หรือสำหรับคนใช้งานทั่วๆ ไปที่เคยเล่นเกม Pokémon GO ก็น่าจะพอเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้เป็นอย่างไร
AR กับเกมกีฬานั้นในเวลานี้ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นกิจจะลักษณะอะไรมากมายครับ แต่ก็เริ่มมีการนำมาใช้โดยเฉพาะเพื่อสร้างสีสันและสร้างการมีส่วนร่วมกันระหว่างทีมกีฬากับแฟนๆ
กรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ทีมกีฬาใช้ AR ในการดึงดูดแฟนๆ ด้วยการให้ใช้แอปพลิเคชันของสโมสร และจับภาพที่ต้องการ เช่น ภาพปกของหนังสือโปรแกรม (Match Programme) แล้วจะปรากฏภาพของนักกีฬาที่เป็นนายแบบฉบับดังกล่าวขึ้น พร้อมกล่าวทักทายแฟนๆ ซึ่งทีมอเมริกันฟุตบอลหลายๆ ทีมใช้อยู่
หรืออย่างกรณีของทีมฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิก ที่มีการเปิดฟีเจอร์ Augmented Reality สามารถฉายภาพของ มานูเอล นอยเออร์ หรือ อาร์เยน ร็อบเบน บนพื้นผิวเรียบๆ ที่ใดก็ได้ (เช่น โต๊ะ พื้น ผนัง กำแพง) แล้วสองสตาร์นี้จะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า (บนจอโทรศัพท์มือถือของคุณ) โดยที่คุณยังสามารถเลือกชุดแข่งขันให้พวกเขาได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชุดเหย้า ชุดเยือน หรือชุดแข่งที่ 3
บาเยิร์น มิวนิกเชิญชวนให้แฟนๆ ร่วมจับภาพสกรีนช็อตของนอยเออร์ และร็อบเบน และติดแฮชแท็ก #fcbayARn บนโซเชียลมีเดีย โดยมีการเลือกภาพที่สร้างสรรค์ที่สุด และนำไปใช้ในแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ซึ่งก็สร้างความสนุกสนานให้แฟนๆ ไม่น้อย มีคนส่งภาพบรรเจิดๆ มาร่วมสนุกกันอย่างมากมาย
สิ่งเหล่านี้มันอาจจะเป็นแค่ ‘กิมมิก’ เล็กๆ น้อยๆ แต่ทางด้าน สเตฟาน เมนเนอริช (Stefan Mennerich) ผู้อำนวยการด้านสื่อ ดิจิทัล และการสื่อสาร ของสโมสรบาเยิร์น มิวนิก ยืนยันว่า เป็นสีสันที่ทำให้แฟนๆ ได้ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลที่พวกเขารักมากขึ้น
ที่สำคัญนอกจากแฟนจะรัก ‘แบรนด์’ ก็จะรักสิ่งเหล่านี้ด้วย เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่แบรนด์จะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อใกล้ชิดกับแฟนกีฬามากขึ้นไปอีกด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีกรณีตัวอย่างอีกมากมายครับ เช่น Adidas ใช้ AR ในการเปิดตัวชุดแข่งทีมชาติสกอตแลนด์ใหม่ ซึ่งก็สร้างความน่าสนใจได้ไม่น้อย
แต่ที่มีการพูดถึงอย่างมากว่าอาจจะเป็น ‘อนาคต’ จริงๆ คือสิ่งที่เรียกว่า MR หรือ Mixed Reality หรือโลกเสมือนในความจริง โดยเจ้าที่บุกเบิกด้านนี้คือ Microsoft ที่จับมือกับบริษัทผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านนี้ที่ชื่อว่า Taqtile เปิดตัวอุปกรณ์ที่เรียกว่า HoloLens ที่นำมาใช้กับการชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกอล์ฟ PGA Tour ที่ทำให้แฟนๆ ได้เห็นว่าสนามแข่งขันกอล์ฟจริงๆ หน้าตาเป็นอย่างไร
รวมถึงมีการจำลองการถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันฟุตบอล ‘El Clásico’ ระหว่างทีม ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลนา ซึ่งนอกจากที่จะได้ชมการถ่ายทอดสดแล้วยังได้เห็นภาพจำลอง 3 มิติ ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงข้อมูลต่างๆมากมาย หรือชมจังหวะสำคัญย้อนหลังในแบบเรียลไทม์
ทั้งหมดนี้คือ ‘อนาคต’ ที่กำลังมาถึงในโลกของกีฬาครับ
มันอาจจะยังมีความคลุมเครืออยู่บ้าง แต่นั่นเป็นเพราะอยู่ระหว่างการเริ่มต้น และมันอาจจะยังดูห่างไกลจากพวกเราอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพราะอุปกรณ์ที่จะใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้นมีราคาค่อนข้างสูง (ยกเว้น AR ที่เราใช้สมาร์ทโฟนของเราได้)
แต่สักวันมันจะเดินเข้ามาสู่ชีวิตของเราอย่างแน่นอน ในฐานะ ‘ทางเลือก’ ใหม่ที่น่าตื่นเต้น ไม่ว่าเราจะชอบหรือชังมันก็ตาม
อยู่แค่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้นเองครับ 🙂
อ้างอิง:
- www.nba.com/article/2017/11/07/new-partnership-brings-virtual-reality-nba-tnt#
- fcbayern.com/us/news/2017/10/fc-bayern-launches-augmented-reality-fan-experience
- digitalsport.co/adidas-use-augmented-reality-to-help-launch-new-scotland-kit
- digitalsport.co/pga-tour-demos-microsoft-hololens-to-deliver-ar-to-golf
- techcrunch.com/2016/09/15/how-virtual-reality-is-transforming-the-sports-industry
- ในการถ่ายทอดสดด้วยเทคโนโลยี Intel True VR 1 ชั่วโมงจะใช้ปริมาณข้อมูลมหาศาลถึง 1TB
- อุปกรณ์ HoloLens สนนราคาปัจจุบันที่ 3,000 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 1 แสนบาท!
- หากจ่ายไม่ไหว อาจจะลองมองหาอุปกรณ์ VR ที่พอจับต้องได้อื่นๆ เช่น Oculus Rift, Samsung Gear VR และ Google Daydream ดูครับ