×

มาเรีย ชาราโปวา เรื่องดราม่าในการกลับมาของ ‘นางฟ้าตกสวรรค์’

04.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • มาเรีย ชาราโปวา เอาชนะ ซิโมนา ฮาเลป คู่แข่งชาวโรมาเนีย ซึ่งเป็นมืออันดับ 2 ของโลกได้ในการแข่งขันเทนนิสยูเอส โอเพ่น รอบแรก เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • นี่คือการกลับมาเล่นในรายการระดับแกรนด์สแลมเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดในการใช้สารต้องห้ามที่ชื่อว่า ‘เมลโดเนียม’ ในการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อต้นปีที่แล้ว
  • ชาราโปวาเป็นนักเทนนิสหญิงที่มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน ก้าวร้าว ผิดกับรูปโฉมภายนอกของเธอ
  • ใต้ใบหน้าที่หยาดเยิ้มราวนางฟ้า (และแม้ว่าจะอายุมากขึ้นแล้ว ปฏิเสธไม่ลงว่ารอยยิ้มของเธอยังคงน่ามองอยู่เหมือนเดิม) ชาราโปวาคือยอดนักสู้คนหนึ่ง

     น้ำตานางฟ้า

     เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายถึงชื่อไอเท็มในเกมผจญภัยที่เราเคยเล่นกันสมัยเด็กๆ หากแต่หมายถึงหยาดน้ำตาที่ไหลจากสองตาของนักเทนนิสที่คนไทยเคยนิยาม และยังคงนิยามเธอว่าเป็น ‘นางฟ้า’ (ซึ่งมาจากในวันที่เธอแจ้งเกิดเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เธอสวยสดใสราวนางฟ้าจริงๆ)

     เอ่ยแบบนี้น่าจะเดากันได้ เพราะมีนักเทนนิสคนเดียวเท่านั้นครับที่ได้สมญาดังกล่าว –มาเรีย ชาราโปวา

     นักเทนนิสชาวรัสเซียในวัย 30 ปี ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในตัวของเธอ หลังจากที่สามารถเอาชนะ ซิโมนา ฮาเลป คู่แข่งชาวโรมาเนีย ซึ่งเป็นมืออันดับ 2 ของโลกได้ในการแข่งขันเทนนิสยูเอส โอเพ่น รอบแรก เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

     ในเกมที่เธอได้กลับมาเล่นในรายการระดับแกรนด์สแลมเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดในการใช้สารต้องห้ามที่ชื่อว่า ‘เมลโดเนียม’ ในการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อต้นปีที่แล้ว

     แน่นอนครับว่ามันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากสำหรับเธอ

     มันเป็นการประกาศโดยอ้อมว่า ในที่สุดเธอได้กลับมาแล้ว

     เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนจะร่วมยินดีและปรีดาในการกลับมาครั้งนี้ของเธอ

 

Photo: Don EMMERT/AFP

 

นางฟ้าปีกสีดำ

     “เมื่อดูไปที่ตารางการแข่งขัน การที่นักเทนนิสมืออันดับ 5 ของโลกต้องไปเล่นคอร์ตที่ 5 ในลำดับคู่ที่ 5 มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้”

     คนที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาคือ แคโรไลน์ วอซเนียคกี อดีตมือ 1 ของโลกชาวเดนมาร์ก (และเป็นแฟนบอลทีมลิเวอร์พูล!) หลังจากที่พ่ายต่อจอมล้มยักษ์อย่าง เอคาเทอรินา มาคาโรวา ในเกมที่แข่งขันกันช่วงดึกตามเวลาท้องถิ่นที่สหรัฐอเมริกา

     ในขณะที่นักเทนนิสที่อยู่ในอันดับที่ 146 ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันแบบไวล์ดการ์ด (เทียบเชิญที่มอบให้แก่นักเทนนิสที่ไม่มีสิทธิ์เข้าแข่งขันตามระบบปกติ) กลับได้เล่นที่เซ็นเตอร์คอร์ต อาเธอร์ แอช

     และสิ่งที่ทำให้วอซเนียคกียอมรับไม่ได้คือ การที่นักเทนนิสคนนั้นเพิ่งกลับมาจากการโดนลงโทษเรื่องคดี ‘สารต้องห้าม’

     สิ่งที่วอซเนียคกีพูดนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของนักเทนนิสหญิงหลายคนครับ

     พวกเธอไม่พอใจที่ชาราโปวาได้รับอภิสิทธิ์เกินไปจากฝ่ายจัดการแข่งขัน ทั้งๆ ที่สถานะของชาราโปวาคือ ‘คนโกง’

     มีนักเทนนิสมากมายที่สมควรได้รับเกียรตินั้นมากกว่าชาราโปวาซึ่งมีมลทิน และมลทินนั้นยังไม่ได้รับการชำระอย่างสมบูรณ์

     อย่างไรก็ดี เรื่อง ‘ดราม่า’ นี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน USTA ต้องการครับ

     ในขวบปีที่วงการเทนนิสหญิงซบเซาจากการขาดหายไปของ เซเรนา วิลเลียมส์ ที่ใกล้เป็นคุณแม่ ซึ่งทำให้เกิดการแย่งชิงตำแหน่ง ‘ราชินีคอร์ต’ เพียงแต่ตลอดปีที่ผ่านมา ไม่มีนักเทนนิสหญิงคนไหนที่สามารถครอบครองตำแหน่งนั้นได้

     แคโรลินา พลิสโควา, การ์บีน มูกูรูซา, ซิโมนา ฮาเลป, แคโรไลน์ วอซเนียคกี, แองเจลิก แคร์เบอร์, เอลินา สวิโตลินา, โยฮันนา คอนตา ไม่มีใครสักคนที่โดดเด่นและแข็งแกร่งพอ

     การกลับมาของชาราโปวา เป็นสิ่งที่สามารถ ‘ปลุก’ การแข่งขันแกรนด์สแลมสุดท้ายของปีอย่างยูเอส โอเพ่น ได้

     อย่างน้อยเสียงปรบมือของแฟนๆ กว่า 24,000 คนในอาเธอร์ แอช ที่ดังกระหึ่ม หลังจากที่เธอสามารถเอาชนะฮาเลป ก็น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ายังมีคนคิดถึงเธออยู่มาก

     บางทีอาจจะมากกว่าคนที่ไม่คิดถึงอยู่พอสมควรเลยด้วย

 

Photo: Jewel SAMAD/AFP

 

โอกาสและการพิสูจน์ตัวเอง

     อันที่จริง ประเด็นการถกเถียงถึงความเหมาะสมในการกลับมาของชาราโปวา ไม่ใช่เรื่องที่ถูกถกเถียงกันเป็นครั้งแรก

     เรื่องนี้มีการถกเถียงกันมาโดยตลอด เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ชื่อของเธอถูกนำมาพิจารณาในการให้สิทธิ์ไวล์ดการ์ดเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ความจริงมันมีการพูดถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่รายการออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อต้นปีแล้วครับ

     ทุกครั้งที่เรื่องนี้ปรากฏขึ้นก็มักจะมีการต่อต้านอย่างรุนแรงเสมอ โดยเฉพาะจากหมู่นักเทนนิสหญิงที่ไม่ชื่นชอบเธอเท่าไร

     นักเทนนิสเหล่านั้นและคนจำนวนไม่น้อย ไม่คิดว่าเธอสมควรได้รับสิทธิ์นั้น

     ชาราโปวาควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับคนอื่น และหากเธอต้องการลงแข่งขันในรายการเทนนิสใหญ่ เธอควรจะทำตามขั้นตอนคือการทำอันดับให้สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ ซึ่งถ้าทำได้ มันจะเป็นการกลับมาที่สง่างามและปราศจากข้อกังขาใดๆ

     แต่สำหรับชาราโปวา เมื่อมี ‘โอกาส’ ที่เธอจะได้กลับมาลงแข่งขันในรายการระดับสูง ซึ่งเธอโหยหามานานอยู่ตรงหน้า

     ไม่มีเหตุผลและความจำเป็นอะไรที่เธอจะปฏิเสธ

     สง่างามหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งสำคัญมากไปกว่าการได้ลงแข่งขัน

     บุคลิก ‘ไม่แคร์’ ของเธอแบบนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้มีคนชิงชัง แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็น ‘แรงขับ’ ที่ทำให้เธอก้าวมาถึงจุดนี้ได้ครับ

     ใต้ใบหน้าที่หยาดเยิ้มราวนางฟ้า (และแม้ว่าจะอายุมากขึ้นแล้ว ปฏิเสธไม่ลงว่ารอยยิ้มของเธอยังคงน่ามองอยู่เหมือนเดิม) ชาราโปวาคือยอดนักสู้คนหนึ่ง

 

Photo: Jewel SAMAD/AFP

 

     ลองหลับตาแล้วจินตนาการสิครับว่า เด็กหญิงรัสเซียตัวเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งสร้างประทับใจให้แก่อดีตราชินีคอร์ตอย่าง มาร์ตินา นาฟราติโลวา ในคลินิกเทนนิสที่เมืองมอสโก และได้รับคำแนะนำว่าควรจะเข้าร่วมอะคาเดมีระดับชั้นนำของโลกที่ ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา อย่างสถาบัน IMG

     เธอกล้าที่จะเดิมพันทั้งชีวิตด้วยการเดินทางไปตามหาความฝัน ถึงแม้จะต้องไปกับพ่อแค่สองคนก่อน เพราะแม่ยังไม่สามารถเดินทางตามไปด้วยได้ (ต้องรอถึง 2 ปี) ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองอย่างยากลำบาก

     เธอสู้จนก้าวมาถึงจุดที่แม้ตัวเองก็อาจจินตนาการไม่ถึงด้วยซ้ำว่าจะมาถึงในวันนี้

     และถ้ามองลงไปในสไตล์การเล่น ชาราโปวาเป็นนักเทนนิสหญิงที่มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน ก้าวร้าว ผิดกับรูปโฉมภายนอกของเธอ

     ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงถึงเสียงที่คำรามออกมาในระหว่างการตีว่ารบกวนสมาธิของคู่แข่ง

     และถึงแม้ว่าจะมีความสามารถและวาสนาที่จำกัด เพราะถึงเธอจะเก่งแค่ไหน แต่โชคร้ายที่เกิดในยุคเดียวกับราชินีดำผู้ไร้เทียมทานอย่างเซเรนา ที่เป็นคู่ปรับตลอดชีวิตของเธอ คล้ายๆ กับ ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด ของวงการฟุตบอล เพียงแต่ที่ต่างไปคือการพบกันทั้งหมดส่วนใหญ่เธอจะเป็นผู้แพ้

     แต่ความพ่ายแพ้ก็ไม่เคยทำให้เธอคิดจะถอย

     ในทางตรงกันข้าม เธอกลับชื่นชมเซเรนาที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็น ‘เด็กน้อย’ ทุกครั้งที่พบกัน

 

Photo: Don EMMERT/AFP

 

     จริงอยู่ครับว่าสิ่งที่เธอทำกับการใช้สารเมลโดเนียม -ซึ่งเดิมเป็นยาที่ใช้รักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่เป็นที่นิยมในหมู่นักเทนนิส เพราะช่วยให้ร่างกายมีความทนทาน และสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ดี จนถูกมองว่าเป็นสารที่ช่วย ‘โกง’ และถูก WADA องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นในเกมกีฬาห้ามใช้ -เป็นความผิดจริง

     โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเธอจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

     แต่เมื่อเธอชดใช้โทษของตัวเองแล้ว (แม้จะมีการลดหย่อนโทษจาก 24 เดือน เหลือ 15 เดือน) โดยส่วนตัวผมคิดว่าการกลับมาแข่งของเธอโดยใช้สิทธิ์ไวล์ดการ์ดเข้ารอบแข่งขันหลัก (เมนดรอว์) ก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่เลวร้ายนัก

     เพราะคนเราไม่มีใครที่ไม่เคยผิด และทุกคนล้วนเคยทำพลาดมาแล้วทั้งนั้น

     สำหรับคนที่เคยผิดพลาดมา บางครั้งที่เขาต้องการไม่ใช่คำปลอบโยนหรือการสวมกอด

     บางคนอยากได้แค่ ‘โอกาส’

     ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านั้น

 

Cover Photo: Eduardo Munoz Alvarez/AFP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising