×

อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้ฝนบนภูเขาตกหนักกว่าเดิม ส่งประชากร 1 ใน 4 ของโลกเสี่ยงเจอน้ำท่วมรุนแรง

29.06.2023
  • LOADING...
อุณหภูมิโลก

ผลการวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นได้เปลี่ยนหิมะที่เคยตกหนักบนภูเขาให้กลายเป็นฝนที่ตกหนักรุนแรง ซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้หลายพื้นที่ทั่วโลกเผชิญกับอุทกภัยใหญ่ดังเช่นที่ปากีสถานเคยประสบมาเมื่อปีก่อนหน้า และซ้ำร้ายอาจทำให้ปัญหาน้ำสะอาดขาดแคลนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย

 

ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Nature วานนี้ (28 มิถุนายน) โดยนักวิจัยได้ทำการวัดปริมาณน้ำฝนและหิมะนับตั้งแต่ปี 1950 ก่อนที่จะใช้แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์มาประเมินสภาพอากาศในอนาคต ซึ่งนักวิจัยระบุว่า อุณหภูมิที่ขยับขึ้นมาทุกๆ 1 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภูเขามากขึ้นถึง 15% เลยทีเดียว

 

รายงานระบุว่า ฝนที่ตกหนักบนภูเขาทำให้เกิดปัญหามากกว่าการที่หิมะตกเป็นจำนวนมาก เพราะมันเป็นปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น น้ำท่วมหนัก ดินถล่ม และการกัดเซาะผิวดิน นอกจากนี้ข้อเสียของฝนที่ต่างจากหิมะคือการเก็บน้ำฝนไว้ใช้งานนั้นทำได้ไม่สะดวกเหมือนกับหิมะ เนื่องจากทุ่งหิมะที่ละลายตัวอย่างช้าๆ จะสามารถใช้เพื่อมาเติมเต็มอ่างเก็บน้ำไว้ให้ผู้คนใช้งานในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนได้

 

โมฮัมเหม็ด ออมบาดี (Mohammed Ombadi) นักอุทกวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศแห่งห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley ซึ่งเป็นผู้เขียนนำในการวิจัยฉบับนี้ กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหาที่อยู่ไกลตัวซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกลโพ้น เพราะข้อมูลบอกเราว่าจริงๆ แล้วมันกำลังเกิดขึ้น และเราเห็นหลักฐานยืนยันจากข้อมูลในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา”

 

ในขณะที่โลกของเราร้อนขึ้นเข้าใกล้ระดับ 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ออมบาดีกล่าวว่า “การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าทุกองศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้นมีความสำคัญ เพราะมันมาพร้อมกับฝนบนภูเขาที่ตกรุนแรงขึ้น 15%” โดยปริมาณน้ำฝนบนภูเขาที่เพิ่มขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิทุกๆ 1 องศาเซลเซียสนั้น ‘มากกว่าสองเท่า’ ของปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นในส่วนอื่นๆ ของโลกอันเป็นผลพวงจากภาวะโลกรวน

 

นอกจากนี้ข้อมูลยังระบุว่าด้วยว่า ประชากรประมาณ 1 ใน 4 บนโลกอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้ภูเขาหรือเนินเขาเสี่ยงที่จะเจอกับฝนตกหนักหรือน้ำท่วมใหญ่ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาได้

 

การศึกษานี้จึงแสดงให้เห็นว่าเหตุน้ำท่วมที่ไหลบ่าจากภูเขาซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 1,700 คนในปากีสถานเมื่อปี 2022 และส่งผลให้พื้นที่ของประเทศมากถึง 1 ใน 3 ต้องจมอยู่ใต้น้ำท่วมขังนานนับหลายเดือน ‘มีแนวโน้มเกิดถี่ขึ้น’ ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก

 

ในช่วงเวลาดังกล่าว เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน เคยกล่าวไว้ว่า เหตุน้ำท่วมที่เกิดขึ้นถือว่าเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เม็ดเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูความเสียหายทั้งหมด ขณะพืชผลทางการเกษตรที่เสียหายก็ส่งให้ราคาผักผลไม้แพงหนักจนประชาชนแทบซื้อไม่ไหว เกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ถึงขั้นที่มีครอบครัวยากจนต้องดื่มน้ำท่วมขังที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคเพื่อประทังชีพมาแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ออมบาดีกล่าวเพิ่มเติมว่า ทีมนักวิจัยยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดของเหตุน้ำท่วมในปากีสถานอย่างละเอียด ฉะนั้นจึงอาจมีปัจจัยที่แตกต่างกันได้เล็กน้อย

 

ผู้สื่อข่าวได้ทำการสอบถามความคิดเห็นของ พาร์ค วิลเลียมส์ (Park Williams) นักอุทกวิทยาด้านภูมิอากาศจาก University of California Los Angeles หรือ UCLA ในฐานะผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานวิจัย โดยเขามองว่าผลการวิจัยล่าสุดนั้นสมเหตุสมผล และชี้ด้วยว่าผลกระทบที่ตามมานั้น ‘ร้ายแรงอย่างยิ่ง’

 

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เมื่ออุณหภูมิโลกอุ่นขึ้นก็จะมีหิมะและฝนที่ตกลงมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ผลกระทบจากหิมะตกหนักนั้นมีน้อยกว่า เพราะว่ากว่าหิมะจะละลายตัวเป็นน้ำต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีเวลาติดตามและประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม วิลเลียมส์กล่าวว่า “แต่ในเมื่อสัดส่วนของน้ำฝนบนภูเขานั้นมากขึ้น ขณะที่หิมะลดลง ภัยจากน้ำท่วมนั้นอาจเพิ่มขึ้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก”

 

จารุเลขา วรราชาน (Charuleka Varadharajan) ผู้ร่วมวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศและอุทกวิทยาประจำห้องปฏิบัติการ กล่าวว่า สำหรับในทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากฝนที่ตกบนภูเขาใน 2 ทิศทางที่แตกต่างกัน

 

“ฝนตกหนักเช่นนี้จะทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงขึ้น ซึ่งเราต้องดูกันต่อไปว่าน้ำเหล่านั้นจะไปท่วมขังอยู่ที่จุดไหน” วรราชานกล่าว “ตอนนี้เราเห็นสถานการณ์เช่นนี้ในเซียร์รา (Sierra) กับเหตุน้ำท่วมในทะเลสาบทูลาเร (Tulare Lake) รวมถึงปัญหาร้ายแรงอื่นๆ ที่เป็นผลพวงมาจากเรื่องนั้น”

 

นอกจากนี้ภัยน้ำท่วมยังส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารอีกด้วย โดยออมบาดีได้ชี้ถึงกรณีที่กรมการเกษตรของรัฐแคลิฟอร์เนียประมาณการว่าตัวเลขความเสียหายด้านพืชผลและปศุสัตว์จากฝนที่ตกหนักในปีนี้อยู่สูงถึง 89 ล้านดอลลาร์

 

แต่ในระยะยาวนั้น ปัญหาที่น่าห่วงอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องน้ำประปา ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกามีหิมะตกหนักในฤดูหนาว หิมะนั้นจะละลายตัวอย่างช้าๆ ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ทำให้อ่างเก็บน้ำสามารถนำน้ำจากหิมะไปใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้หิมะลดปริมาณลง ซึ่งจะทำให้ซัพพลายน้ำลดลงตามไปด้วยในอนาคต

 

แฟ้มภาพ: Veranika848 Via Shutterstock

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising