×

รู้จัก ดาร์วิน นูนเญซ ของดีอุรุกวัย ที่ทำให้ลิเวอร์พูลขอเปิดศึกชิงตัวกับแมนฯ ยูไนเต็ด

09.06.2022
  • LOADING...
ดาร์วิน นูนเญซ

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • ทีมแรกที่มีข่าวกับ ดาร์วิน นูนเญซ คือไบรท์ตัน ในช่วงฤดูร้อนของปี 2021 ก่อนที่นิวคาสเซิล และเวสต์แฮม จะพยายามตามล่าตัวในช่วงตลาดฤดูหนาวเมื่อต้นปีที่ผ่านมาแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
  • ย้อนหลังกลับไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มี 3 สโมสรใหญ่ที่ให้ความสนใจในตัวของดาวยิงวัย 22 ปี คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยสนนราคาประเมินเอาไว้ที่ราว 70 ล้านยูโร
  • นูนเญซมีรูปร่างสูงใหญ่ก็จริง แต่มีความเร็วจัดจ้านอย่างมาก และบทบาทที่ถนัดจริงๆ คือการขยับเยื้องมาทางฝั่งซ้าย ไม่ว่าจะเป็นในระบบ 3-4-3, 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 ที่หากจะเปรียบให้เห็นภาพคือเป็นลักษณะที่คล้ายกับ เธียร์รี อองรี ไม่ใช่ปีก ไม่ใช่กองหน้า แต่เป็นลูกผสม

ชื่อของ ดาร์วิน นูนเญซ กลายเป็นเทรนด์ในโลกลูกหนังตั้งแต่เมื่อวาน (8 มิถุนายน) หลังมีกระแสข่าวว่าลิเวอร์พูลให้ความสนใจและเริ่มเปิดการเจรจากับเบนฟิกา เพื่อขอดึงตัวกองหน้าทีมชาติอุรุกวัยที่มีมูลค่า 100 ล้านยูโรมาร่วมทีม

 

ด้วยสนนราคามหาศาลทำให้แฟนฟุตบอลจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสงสัยว่า ค่าตัวดังกล่าวสำหรับกองหน้าที่เพิ่งจะโด่งดังได้แค่ไม่กี่เดือนโดยที่ไม่เคยเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้างมาก่อนนั้น เป็นเรื่องที่เกินเลยไปหรือไม่ และผิดวิถีของทีมอย่างลิเวอร์พูลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ใช้จ่ายอย่างมีเหตุมีผลที่สุดหรือเปล่า

 

แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องค่าตัว ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมแรกที่ให้ความสนใจ เพราะในข้อเท็จจริงแล้วพวกเขาไม่เคยออกตัวว่าสนใจนักเตะรายนี้ด้วยซ้ำ

 

ทีมแรกที่พอจะพูดได้ว่ามีข่าวการย้ายทีมด้วยคือไบรท์ตัน ในช่วงฤดูร้อนของปี 2021 เพียงแต่กองหน้าที่ย้ายจากอัลเมเรียมาอยู่กับเบนฟิกาในช่วงเดือนมกราคม 2020 ไม่สนใจทีมที่จบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับที่ 14 ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่อาจทดแทนกับโอกาสในการเล่นรายการอย่างยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้

 

ต่อจากไบรท์ตันในตลาดการซื้อขายช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้พยายามติดต่อเพื่อขอซื้อนูนเญซมาร่วมทีมด้วยเช่นกัน เพียงแต่ความพยายามไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเบนฟิการู้ดีว่าด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้กองหน้ารายนี้เป็นที่ต้องการของทีมใหญ่ที่หมายถึงสนนราคาที่จะเพิ่มขึ้นจาก 50 ล้านปอนด์ที่ตั้งไว้ในตอนนั้น

 

ย้อนหลังกลับไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เดวิด ออร์นสไตน์ ผู้สื่อข่าวคนดังของ The Athletic รายงานข่าวการย้ายทีมของนูนเญซเอาไว้สั้นๆ ท่ามกลางสโมสรมากมายว่ามี 3 สโมสรใหญ่ที่ให้ความสนใจในตัวของดาวยิงวัย 22 ปี

 

3 สโมสรดังกล่าวคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยสนนราคาประเมินเอาไว้ที่ราว 70 ล้านยูโร

 

อย่างไรก็ดี จากการที่เชลซีอยู่ในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนเจ้าของสโมสร ทำให้แผนการปรับทัพเสริมทีมถูกชะลอไว้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่เปแอสเชสามารถรั้งตัว คีเลียน เอ็มบัปเป้ เอาไว้กับทีมต่อไปอีก 3 ปีได้ ทำให้เหลือแค่แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่ให้ความสนใจอย่างจริงจัง

 

เรียกได้ว่ายิ่งมีทีมสนใจมากเท่าไร สนนราคาค่าตัวก็ยิ่งพุ่งขึ้นตามความต้องการของตลาด และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เบนฟิกาขอตั้งกำแพงค่าตัวเอาไว้ที่ 100 ล้านยูโร และทำให้ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด และแอตเลติโก มาดริด ที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังต้องกลับมาตั้งหลักใหม่

 

ดาร์วิน นูนเญซ

เล่นงานลิเวอร์พูลจนปั่นป่วน แม้แต่ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ยังต้องมาช่วยไล่บอล

 

แต่นอกเหนือจากเรื่องของกลไกตลาดแล้ว นักเตะคนนี้ก็ต้องมีดีด้วยเช่นกัน เพราะครั้งหนึ่ง หลุยส์ ซัวเรซ ก็พยายามแนะนำให้บาร์เซโลนาคว้าตัวนูนเญซที่ยังเป็นดาวรุ่งอยู่อัลเมเรีย ทีมระดับเซกุนดา เบ (ดิวิชัน 2 สเปน) มาร่วมทีม

 

“ผมเคยแนะนำดาร์วินให้บาร์เซโลนา” ซัวเรซเปิดเผยกับ เคราร์ด โมเรโน ผู้สื่อข่าวชาวสเปน “ผมมีประสบการณ์ในระดับนานาชาติมา 15 ปี ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องของกองหน้า ผมคิดว่าผมพอจะรู้เรื่องว่าอะไรดีไม่ดี ผมบอกกับพวกเขา (บาร์เซโลนา) ว่าให้จับตาเด็กคนนี้ไว้ เขาเก่งมากและมีสิ่งที่น่าสนใจมาก”

 

น่าเสียดายที่บาร์ซาไม่สนใจคำแนะนำของซัวเรซ โดยบอกว่าเด็กคนนี้แค่เล่นให้อัลเมเรียและยังเด็กอยู่มาก

 

แต่ในความจริงแล้วนูนเญซทำผลงานไม่ได้เลวร้ายเลยกับอัลเมเรีย (ทีมเดียวกับ ธีรศิลป์ แดงดา) โดยนับตั้งแต่ย้ายจากเปนารอลมาเมื่อปี 2019 สามารถทำได้ถึง 16 ประตูจากการลงสนาม 30 นัด และผลงานนั้นดีพอที่จะทำให้ทีมอย่างเบนฟิกาตัดสินใจที่จะซื้อตัวเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของสโมสร

 

โดยทีมจากลิสบอน จ่ายเงิน 24 ล้านยูโรสำหรับกองหน้าวัย 20 ปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกตินัก แต่เบนฟิกายอมจ่าย ‘เพื่อการลงทุน’ ตามความเห็นของ ดาบิด บาเดีย อดีตผู้ช่วยโค้ชอัลเมเรียในขณะนั้น และอัตราการเติบโตของนักเตะคนนี้ก็เป็นสิ่งที่แมวมองเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด

 

จากเปนารอล ทีมรักในบ้านเกิด สู่อัลเมเรียและเบนฟิกา – ทุกอย่างเกิดขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็วแค่ปีเดียวเท่านั้น

 

ที่เบนฟิกา นูนเญซอาจจะยังไม่เปรี้ยงปร้างมากนักในฤดูกาลแรกที่ยังเป็นช่วงโควิด แต่ก็ทำได้ 14 ประตูจากการลงสนาม 44 นัดรวมทุกรายการ ก่อนที่จะมาดังเป็นพลุแตกในฤดูกาล 2021/22 โดยเฉพาะในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังที่กลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ฮอตที่สุด

 

โดยรายการแจ้งเกิดของดาวยิงหน้าหยกรายนี้คือยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่สามารถซัลโวใส่ทีมระดับบาร์เซโลนา, บาเยิร์น มิวนิก รวมถึงลิเวอร์พูลได้


จุดเด่นที่สุดของนูนเญซที่ทุกคนเห็นได้ชัดคือรูปร่างที่สูงใหญ่ ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว ที่ดูกำยำ มองจากระยะไกลก็รู้ว่าแข็งแกร่ง และนั่นทำให้สิ่งแรกที่แฟนบอลที่ไม่เคยรู้จักหรือดูการเล่นมาก่อนคิด คือนักเตะรายนี้คือกองหน้าตัวเป้าเจ้าเวหาอย่างแน่นอน

 

แต่ในความเป็นจริงแล้วนูนเญซไม่ได้เป็นกองหน้าในแบบนั้น เขาไม่เหมือน โรเมลู ลูกากู และก็ไม่ใช่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี หรือ คาริม เบนเซมา ด้วย

 

นูนเญซมีรูปร่างสูงใหญ่ก็จริงแต่มีความเร็วจัดจ้านอย่างมาก และบทบาทที่ถนัดจริงๆ คือการขยับเยื้องมาทางฝั่งซ้าย ไม่ว่าจะเป็นในระบบ 3-4-3, 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 ที่หากจะเปรียบให้เห็นภาพคือเป็นลักษณะที่คล้ายกับ เธียร์รี อองรี ไม่ใช่ปีก ไม่ใช่กองหน้า แต่เป็นลูกผสม

 

ความแตกต่างระหว่างเขากับอองรีคือ นูนเญซไม่ได้มีความสามารถในการเลี้ยงบอลด้วยความเร็วสูงที่เหนือชั้นในระดับเดียวกับตำนานศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศส ที่เล่นฟุตบอลเหมือนมีวิชาตัวเบาเดินบนผืนน้ำได้ กองหน้ารายนี้เลี้ยงบอลได้แต่ไม่ได้เก่ง การครองบอลของเขามีอัตราที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและมักจะเสียบอลง่าย แต่เขาก็มีความเร็วจัดพอที่จะเล่นงานกองหลังได้ทุกคน

 

ดาร์วิน นูนเญซ

สูงใหญ่ ใจถึง พึ่งได้ คือนิยามของนูนเญซ

 

และรูปแบบเกมที่นูนเญซถนัดที่สุดคือเกมโต้กลับ ซึ่งเบนฟิกาใช้ในเกมยุโรปยามเจอกับทีมระดับที่สูงกว่า

 

อีกสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นตัวอันตรายสำหรับกองหลังคู่แข่งคือความสามารถในการสลัดตัวประกบ ด้วยการอ่านสถานการณ์และเร่งจังหวะการเล่นในพริบตาที่สามารถประมวลผลได้ว่า เขาควรจะวิ่งแบบไหนและเคลื่อนไหวอย่างไร

 

ความสามารถนี้ทำให้นูนเญซอยู่ในพื้นที่และตำแหน่งที่ดีเสมอที่เพื่อนจะให้บอลได้ และบอลเหล่านั้นมีลุ้นเป็นประตูเสมอ

 

ดังนั้นสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด เขาจึงเป็น ‘คู่กองหน้า’ ที่ เอริก เทน ฮาก คาดหวังว่าจะจับคู่กับ คริสเตียโน โรนัลโด ในแนวรุกได้ หรืออาจจะถ่างไปริมเส้นเพื่อเปิดพื้นที่ให้ CR7 ก็ได้เช่นกัน ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้มีข่าวคืบหน้าไปไกลแล้ว จนกระทั่งลิเวอร์พูลกระโดดเข้าฉากมา

 

เพราะสำหรับลิเวอร์พูล หากต้องสูญเสีย ซาดิโอ มาเน ให้กับบาเยิร์นจริง นูนเญซจะทดแทนตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง ซึ่งไม่ใช่กองหน้าตัวเป้าแบบปกติ และยังสามารถถ่างไปเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายได้ด้วยหากจำเป็น ซึ่งแม้ก่อนหน้านี้จะไม่อยู่ในข่ายมาก่อน แต่ เจอร์เกน คล็อปป์ และ จูเลียน วอร์ด ผู้อำนวยการสโมสรคนใหม่มองว่าเป็นตัวเลือกที่ดี

 

ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมที่ไม่กล้าทุ่มเพราะพวกเขาก็เคยซื้อ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ในราคา 75 ล้านปอนด์ และ อลิสสัน ในราคา 60 ล้านปอนด์มาก่อน ดังนั้นการซื้อกองหน้าในหลัก 100 ล้านยูโรก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากมองว่าคุ้มค่าสำหรับอนาคตระยะยาว

 

ความได้เปรียบอีกอย่างของทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์คือการที่นูนเญซใช้เอเจนต์เจ้าเดียวกับ ฟาบินโญ และ ดีโอโก โชตา คือ Gestifute อีกทั้งวอร์ดมีคอนเน็กชันที่เข้มแข็งในโปรตุเกส เพราะเคยร่วมงานกับ คาร์ลอส เคยรอซ ในทีมชาติโปรตุเกสมาก่อน

 

อย่างไรก็ดี ตราบใดที่ยังไม่มีการยืนยันใดๆ ทุกอย่างยังเป็นไปได้เสมอ

 

สิ่งเดียวที่แน่นอนที่พอจะบอกได้ตอนนี้คือ ดาร์วิน นูนเญซ คือกองหน้าอนาคตไกลที่มาแรงที่สุดตอนนี้ และหากย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกจริงก็จะเป็นอีกหนึ่งดาวยิงที่ช่วยสร้างสีสันได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเล่นให้กับทีมใดก็ตาม

 

ป.ล. หากย้ายมาลิเวอร์พูลหรือแมนฯ ยูไนเต็ด จริง แมตช์แรกที่คาดว่าจะได้ลงสนามคือ THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน!

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising