เหล่า Gen Z ที่กำลังเติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จำนวนมากเลือกที่จะไม่เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย โดยสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก Education Data Initiative ชี้ให้เห็นว่าค่าเล่าเรียนในวิทยาลัยรัฐบาลระบบ 4 ปี เพิ่มขึ้นถึง 30% ระหว่างปี 2011-2023 และในมหาวิทยาลัยเอกชนเพิ่มขึ้นถึง 42%
“มีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแบบดั้งเดิมน้อยลงประมาณ 2 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 2011” Nich Tremper นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากแพลตฟอร์ม Gusto กล่าวแทนที่จะเลือกเรียนต่อ คนรุ่นใหม่จำนวนมากหันไปเลือกงานฝีมือที่ต้องใช้ทักษะ เช่น งานก่อสร้าง งานประปา งานไฟฟ้า และซ่อมรถยนต์
ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2024 Gen Z คิดเป็น 18% ของแรงงานทั้งหมด แต่กลุ่มอายุ 18-25 ปี คิดเป็นเกือบ 25% ของการจ้างงานใหม่ในอุตสาหกรรมงานช่างฝีมือ
Morgan Bradbury วัย 21 ปี เริ่มหลงรักงานเชื่อมตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย “ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจทันทีที่รู้ว่าผมสามารถสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยมือของตัวเองได้” หลังจบมัธยม เธอเลือกเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรการเชื่อมเพียง 9 เดือนที่ Universal Technical Institute ด้วยค่าใช้จ่ายประมาณ 21,000 ดอลลาร์
ก่อนจบหลักสูตร เธอได้งานที่บริษัท BAE Systems ด้วยเงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 57,000 ดอลลาร์ต่อปี ปัจจุบันเธอเป็นช่างเชื่อมระดับสองบนเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในเมือง Norfolk รัฐ Virginia
ด้าน Chase Gallagher วัย 24 ปี เริ่มทำธุรกิจจัดสวนตั้งแต่อายุเพียง 12-13 ปี เขาจดทะเบียนบริษัท CMG Landscaping ในปี 2015 และเมื่ออายุ 18 ปี เขามีลูกค้ามากถึง 82 ราย “ผมมองตัวเลขและคิดว่า ผมจะไม่หยุดธุรกิจของผมเพื่อไปจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยแน่นอน” เขากล่าว
ในปี 2024 ธุรกิจของ Gallagher สร้างรายได้ถึง 1,085,000 ดอลลาร์ และเขามีรายได้ส่วนตัวเกือบ 500,000 ดอลลาร์จากเงินเดือนและส่วนแบ่งในฐานะเจ้าของธุรกิจ
เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับคนทำงานช่างฝีมือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 23 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ช่างไฟฟ้ามีรายได้เฉลี่ยที่ 62,350 ดอลลาร์ต่อปี ช่างประปารายได้เฉลี่ย 62,970 ดอลลาร์ต่อปี และคนงานก่อสร้างมีรายได้เฉลี่ย 46,050 ดอลลาร์ต่อปี ตามข้อมูลจาก Bureau of Labor Statistics
แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการศึกษาจะสูง แต่ผู้จบการศึกษาระดับปริญญายังคงมีรายได้สูงกว่า โดยมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 ดอลลาร์ในปี 2024 และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 12.5%
การขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump อาจสร้างความท้าทายให้กับ Gen Z ที่เลือกทำงานในภาคการผลิตหรือก่อสร้าง Trump ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% กับ ‘ทุกประเทศ’ และเรียกเก็บภาษีสูงขึ้นกับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา โดยเฉพาะไม้เนื้ออ่อนจากแคนาดาที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านมีการเรียกเก็บภาษีที่ 14.54%
Tremper กล่าวว่า “เราต้องตระหนักว่าภาษีนำเข้าไม้เนื้ออ่อนจะส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำงานและพัฒนาทักษะของคนเหล่านี้” และเสริมว่า “ต้นทุนการสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่ความต้องการที่ลดลง ซึ่งจะจำกัดจำนวนงานในสาขาการก่อสร้าง”
อย่างไรก็ตาม “ในช่วงที่ผ่านมา ความมั่นคงในการทำงานของอาชีพช่างฝีมือแข็งแกร่งกว่าอาชีพคอปกขาวแบบดั้งเดิมหลายอาชีพ” Tremper กล่าว ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก BLS ที่วัดอัตราการเลิกจ้าง
และในขณะที่กลุ่ม Baby Boomers ค่อยๆ ออกจากตลาดแรงงาน โอกาสใหม่ๆ ก็จะเปิดขึ้น ‘เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้เกษียณ’ Tremper กล่าว “คนรุ่น Gen Z จะสามารถก้าวเข้าสู่พื้นที่ที่พวกเขาสามารถสร้างธุรกิจของตัวเอง เพิ่มพลวัตให้กับเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสทางการเงินที่มากขึ้นสำหรับตัวเอง”
โลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วทำให้วิชาชีพที่เคยถูกมองข้ามกลับมามีคุณค่าอีกครั้ง ในขณะที่เส้นทางการศึกษาแบบดั้งเดิมสร้างภาระหนี้สินมหาศาล Gen Z กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าทักษะฝีมือไม่เพียงแต่สร้างรายได้ที่มั่นคง แต่ยังเปิดประตูสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจและอิสรภาพทางการเงินที่หลายคนในรุ่นก่อนอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการไขว่คว้า
ภาพ: adriaticfoto / Shutterstock
อ้างอิง:
